หลังจากที่ Mini เปิดตัว Countryman และ Cooper ขุมพลังไฟฟ้าล้วนเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงคราวของ Aceman สมาชิกรุ่นที่ 3 ที่จะมีให้เลือกเพียงแค่ขุมพลังไฟฟ้าล้วนเท่านั้น โดยจะทำตลาดแทนที่ Clubman พร้อมวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2024 นี้
งานออกแบบภายนอกยังคงอ้างอิงจากทั้ง Cooper และ Countryman โดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงเหลี่ยมที่เชื่อมด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ เส้นสายรอบคันมีมัดกล้ามมากกว่า Mini ยุคก่อน พร้อมด้วยล้ออัลลอยขนาดตั้งแต่ 17 ไปจนถึง 19 นิ้ว ตามแต่ละรุ่นย่อย ด้านหลังมาพร้อมไฟท้ายที่มีขนาดเล็กลงกว่า Countryman แต่แฝงไว้ด้วยลูกเล่นการเปิด-ปิดหลอด LED ให้เป็นกราฟิกที่แตกต่างกันหลายรูปแบบ พร้อมด้วยกันชนหลังที่ตกแต่งด้วยวัสดุสีเทาเสริมลุคความเป็น crossover
มิติตัวถังรถ
- ความยาว 4,070 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,760 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,500 มิลลิเมตร
ติดตั้งหน้าจอกลางแบบ OLED สุดล้ำยุคขนาด 9.44 นิ้ว ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่และระบบความบันเทิงต่างๆ และด้วยระบบปฏิบัติการ Mini Operating System 9 ที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อต่างๆ และข้อมูลที่จำเป็นต่อการขับขี่อย่างครบถ้วน เพื่อปลดล๊อคขีดจำกัดของระบบศูนย์ข้อมูลภายในรถให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ไอทีอื่นๆในปัจจุบัน พร้อมด้วยผู้ช่วยส่วนตัว Hey MINI! พร้อมออฟชั่นหน้าจอ head-up display ที่จะแสดงข้อมูลการขับขี่จำเป็นลงบนกระจกบังลมหน้า
Mini ยังคงติดตั้งปุ่มกดแบบทั่วไปมาให้บริเวณใต้จอกลางที่ออกแบบให้ย้อนยุคเล็กน้อยเช่นเดียวกับรุ่น Cooper พร้อมด้วยสวิตช์เลือกตำแหน่งเกียร์ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆปุ่ม start/stop key และปุ่มควบคุมเครื่องเสียง นอกจากนี้ยังมาพร้อมพวงมาลัยรูปแบบใหม่ ติดตั้งปุ่มควบคุมแบบกดใช้งานง่าย ในส่วนของห้องเก็บสัมภาระความจุ 300 ลิตร ที่สามารถขยายให้เป็น 1,005 ลิตรได้เมื่อพับเบาะแถวหลังลงทั้งหมด
Mini แบ่งการตกแต่งออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ Essential Classic Favoured และ John Cooper Works (JCW) ที่มีรายละเอียดในส่วนของวัสดุตกแต่งภายใน วัสดุหุ้มเบาะ และโทนสีต่างๆ ให้เข้ากับความต้องการและโจทย์ของแต่ละรุ่นย่อย
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบ่งออกเป็น 2 ระดับความแรงได้แก่
Mini Aceman E
- ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ให้พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 290 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 42.5 kWh ให้พิสัยการเดินทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จได้ 307 กิโลเมตร สามารถชาร์จได้ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC กำลังไฟสูงสุด 75 kW และไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟสูงสุด 11 kW
- อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.9 วินาที
Mini Aceman SE
- ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ให้พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 54.2 kWh ให้พิสัยการเดินทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จได้ 403 กิโลเมตร สามารถชาร์จได้ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC กำลังไฟสูงสุด 95 kW และไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟสูงสุด 11 kW
- อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.1 วินาที
ทั้ง 2 รุ่นสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10%-80% ได้ภายในเวลา 30 นาที
Mini Aceman จะลงสนามต่อกรกับคู่แข่งในตลาดยุโรปคนสำคัญ ได้แก่ รถ SUV พันธุ์แกร่งอย่าง Jeep Avenger รวมไปถึงน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Alfa Romeo Junior Elettrica Veloce DS 3 E-Tense Fiat 600e Peugeot e-2008 และ Opel-Vauxhall Mokka-e ซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากเครือ Stellantis ทั้งสิ้น
ที่มา: Motor1