Nissan แถลงข่าวเมื่อเวลา 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทยของวันที่ 25 มีนาคม 2024 ในขณะที่งานบางกอกอินเตอร์เนชันแนลมอเตอร์โชว์ 2024 กำลังร้อนระอุในเวลาเดียวกันนี้ Nissan ได้เผยแผนงานที่ใช้ชื่อว่า “The Arc” ซึ่งเป็นการเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จำนวนกว่า 30 รุ่น ภายในระยะเวลา 3 ปี นับจากปัจจุบันนี้ หรือจนถึงปี 2027 นั่นเอง ซึ่งนับว่าเป็นแผนที่ต่อเนื่องจาก Nissan NEXT ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2020 ที่มาที่ไปของชื่อ Arc เนื่องจากเป็นรอยต่อระหว่างแผนเดิมและแผนถัดไปที่ใช้ชื่อว่า Nissan Ambition 2030 ที่จะรับช่วงต่อตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป
สำหรับรายการรุ่นรถยนต์ที่เตรียมเปิดตัวทั้งหมด 30 รุ่น จะประกอบไปด้วย รถยนต์ที่ใช้ขุมพลัง hybrid และ ขุมพลังไฟฟ้าล้วนจำนวนรวมทั้งสิ้น 16 รุ่น ขณะที่อีก 14 รุ่นที่เหลือจะยังคงพึ่งพาขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน เมื่ออ้างอิงจากภาพ Teaser ข้างล่างนี้ จะพบว่ามีเพียง 25 รุ่นที่ Nissan นำมาโชว์ ขณะที่อีก 5 รุ่นที่เหลือยังขออุบเส้นสายโดยคร่าวไว้ก่อน
The Arc เป็นแผนงานรวมทั้งหมดทุกภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่ง Nissan เตรียมจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จำนวนทั้งหมด 7 รุ่น ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังทั้งรูปแบบ plug-in hybrid และ e-Power เพื่อให้สามารถกินสัดส่วนยอดขายรวมกันได้สูงถึง 78% ของรถยนต์นั่งที่ใช้ขุมพลังรูปแบบดังกล่าว
ถึงแม้ Nissan ไม่ได้เผยชื่อรุ่นของรถยนต์จำนวน 30 รุ่นนี้ แต่จากข้อมูลเบื้องต้นแจ้งว่า จะเน้นไปที่รถยนต์ตัวถัง crossover และ SUV ที่อาจมีรถยนต์จากเครือ Alliance อย่าง Renault 5 ซึ่งถูกนำมารีแบรนด์และวางจำหน่ายเป็นรถอีกรุ่น ขณะที่รถกระบะพิกัด 1 ตันสำหรับทำตลาดในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ก็มีรวมอยู่ในจำนวน 30 รุ่นนี้อีกด้วย รวมไปถึงรถยนต์ขนาดเล็กพิกัด A-segment สำหรับตลาดแอฟริกา รถ SUV รุ่นใหม่อีก 5 รุ่นสำหรับตลาดตะวันออกกลาง และสำหรับตลาดยุโรปที่ Nissan เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีกจำนวน 6 รุ่น รวมไปถึงเป้าหมายในการขยายยอดขายกลุ่ม EV ให้มีส่วนแบ่งมากถึง 40%
ขณะที่ตลาดประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิด Nissan เตรียมที่จะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมจำนวนกว่า 80% ของผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน รวมไปถึงรถรุ่นใหม่อีก 5 รุ่น ซึ่งทั้งหมดนี้ทาง Nissan คาดการณ์ว่าจะสามารถทำส่วนแบ่งยอดขายของขุมพลัง Hybrid และ EV ได้สูงถึง 70% ของทั้งหมด
สำหรับตลาดประเทศจีน ที่ Nissan ก็คร่ำหวอดในวงการมาอย่างยาวนาน มีพันธมิตรเป็นบริษัทร่วมทุนยักษ์ใหญ่แดนมังกร จึงทำให้แผนเปิดตัวรถยนต์อีกจำนวน 8 รุ่น ที่ล้วนแล้วแต่ใช้ขุมพลัง Hybrid และ EV ทั้งสิ้น สามารถทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้แบรนด์ในเครืออีกด้วย
เป้าหมายหลักที่หลายคนสนใจ ได้แก่แนวทางการทำตลาดรถ EV ซึ่งทาง Nissan ตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่งยอดขายของรถ EV จากยอดขายรวมทั่วโลก เป็นสัดส่วนสูงถึง 40% ภายในปี 2027 ก่อนที่จะเติบโตเป็น 60% ภายในปี 2030
ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าหากการลดราคาจำหน่ายของรถ EV ไม่ได้มีสัดส่วนลดลงอย่างน้อย 30% ซึ่งมีปัจจัยสำคัญเป็นการลดต้นทุนของแบตเตอรี่ โดยสำหรับประเภท nickel manganese cobalt (NCM) จะสามารถทำต้นทุนได้ถูกลงกว่าครึ่งหนึ่ง และยังสามารถชาร์จได้เร็วขึ้นกว่า 50% รวมไปถึงมีอัตราส่วนความจุพลังงานเพิ่มมากขึ้นอีก 50% เช่นเดียวกัน
ในส่วนของแบตเตอรี่ประเภท lithium iron phosphate (LFP) ที่มีใช้อยู่ในรถ Kei-car รุ่น Sakura EV ทางค่ายยังได้เตรียมเทคโนโลยีที่สามารถลดต้นทุนได้อีก 30% ก่อนที่แบตเตอรี่แห่งอนาคตอย่าง solid-state จะสามารถเข้าสู่กระบวนการผลิตแบบ Mass Production ได้ในช่วงปี 2028-2029
ที่มา: Motor1