Nissan ประเทศญี่ปุ่นเกาะกระแสข่าวเพิ่มเติมด้วยการชิงเปิดตัว Model Year 2025 ของรถ Supercar สัญชาติญี่ปุ่นแท้ๆ อย่าง GT-R รหัสตัวถัง R35 ด้วยการเพิ่มสีภายในใหม่และการปรับรายละเอียดทางเทคนิคเล็กน้อย ก่อนที่จะลาวงการออกไปหลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2007
เส้นสายงานออกแบบภายนอกและภายในยังคงเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง โดยยกชุดมาจาก Model Year 2024 ขณะที่รุ่นย่อย Premium Edition จะสามารถเลือกสีภายในสีฟ้า Blue Heaven ได้เพิ่มเติม
ไฮไลท์อยู่ที่การอัพเกรดชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ของรุ่นย่อย Premium Edition T-Spec และ Track Edition (รุ่นพร้อมลงสนามปรับแต่งโดย NISMO แต่งไม่ใช่รุ่น NISMO แบบ complete car) เริ่มต้นด้วยแหวนบาลานซ์ลูกสูบที่ถูกผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีความละเอียดสูง ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งแต่เดิมชิ้นส่วนเหล่านี้จะถูกติดตั้งลงในเครื่องยนต์ในเวอร์ชั่น NISMO Special Edition เท่านั้น เพื่อให้เครื่องยนต์ V6 รหัส VR38DETT สามารถเร่งรอบได้ไวขึ้นและเพิ่มอัตราการตอบสนองของเทอร์โบ
ยิ่งไปกว่านั้นทั้ง 2 รุ่นย่อยยังมาพร้อมแผ่นเพลทอะลูมิเนียมบ่งบอกความพิเศษหรือ “Takumi” certified ผู้รับผิดชอบการพัฒนาเครื่องยนต์บล๊อคนี้
ขุมพลังยังคงเลือกใช้บริการเครื่องยนต์เบนซิน รหัส VR38DETT V6 ขนาด 3.8 ลิตร 3,799 ซีซี. Twin-Turbo 24 วาล์ว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 95.5 x 88.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.0 : 1 พละกำลังสูงสุด 573 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 637 นิวตัน-เมตร ที่ 3,300 – 5,800 รอบ/นาที ขณะที่เวอร์ชั่น NISMO ถูกอัพเกรดให้มีพละกำลัง 608 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 6 จังหวะ GR6 ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD
2025 Nissan GT-R มีให้เลือกทั้งหมด 8 รุ่นย่อย ได้แก่ GT-R Pure Edition GT-R Black Edition GT-R Premium Edition GT-R Premium Edition T-spec GT-R Track Edition engineered by NISMO GT-R Track Edition engineered by NISMO T-spec GT-R NISMO และ GT-R NISMO Special Edition มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 14,443,000 เยน หรือประมาณ 3,484,691 บาท ไปจนถึง 30,613,000 เยน หรือประมาณ 7,385,751 บาท ในรุ่นท๊อป GT-R Nismo Special Edition ไม่รวมภาษีนำเข้า และจะพร้อมส่งมอบในเดือนมิถุนายน 2024 นี้ โดยอาจจำกัดจำนวนไว้เพียงแค่ 1,500 คัน
ที่มา: Nissan