แบรนด์รถยนต์ไม่คุ้นหูสำหรับประเทศไทยอย่าง Lincoln ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ภายใต้เครือ Ford ยังคงเดินหน้าทำตลาดรถหรูโดยเฉพาะตัวถัง SUV รุ่นล่าสุดกับ Aviator หลังจากยอดขายตกลงในปี 2023 กว่า 30% จึงได้ฤกษ์เปิดตัวรุ่นปรับโฉมที่มาพร้อมความทันสมัยในฐานะ Model Year 2025 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2024 เพื่อให้ยอดขายกลับมาอยู่ในสภาวะปกติอีกครั้ง หลังจากเปิดตัวตั้งแต่ปี 2019

 

งานออกแบบด้านหน้ามาพร้อมกระจังหน้าชุดใหม่ ที่ออกแบบให้เข้าชุดกันกับไฟหน้าใหม่ ซึ่งติดตั้งฟังก์ชั่นต้อนรับเวลาเข้าใกล้ตัวรถและบอกลาเวลาล๊อครถ ที่เรียกว่า “Lincoln Embrace” นอกจากนี้ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่ 2 สี ได้แก่ สีเขียว Cenote Green และสีฟ้า Whisper Blueซึ่งมีให้เลือกในรุ่นท๊อปอย่าง Black Label เท่านั้น ซึ่งมาพร้อมล้ออัลลอยขนาดใหญ่จุใจถึง 22 นิ้ว ขณะที่รุ่น Premiere รองท๊อปจะได้ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว พร้อมออฟชั่น Jet Package ที่เปลี่ยนทริมตกแต่งรอบคันให้เป็นสีดำเงา

 

ภายในมาพร้อมระบบเชื่อมต่อและความบันเทิง Lincoln Digital Experience infotainment system ที่ให้ผู้โดยสารสามารถรับชม YouTube และ Amazon Prime ได้อย่างสนุกสนาน พร้อมฟังก์ชั่นเล่นเกมส์โดยใช้จอยที่เชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth พร้อมคลังแอปพลิเคชั่นจาก Google Play store ที่พร้อมให้ใช้งานผ่านหน้าจอกลางขนาด 13.2 นิ้ว ขณะที่หน้าจอมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ก็ถูกอัพเกรดเป็นขนาด 12.4 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายติดตั้งที่คอนโซลกลาง

 

เบาะนั่งทั้งคันบุด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียม ที่มีสีให้เลือกเข้าชุดกันกับทริมตกแต่งภายในห้องโดยสารของแต่ละรุ่นย่อย พร้อมด้วยระบบปรับอากาศที่กรองเอาฝุ่นละอองออกไปได้ รวมทั้งมีฟังก์ชั่นตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารอีกด้วย ยังไม่รวมหลังคากระจกบานโต เบาะนั่งพร้อมระบบระบายความร้อนและอุ่นเบาะ

สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่มีมาให้เป็นครั้งแรกของรุ่นอย่าง BlueCruise ที่มาพร้อมฐานข้อมูลจราจร ซึ่งต้องซื้อบริการายปี โดย Lincoln จะแถมให้เป็นเวลา 4 ปี

 

ขณะที่ขุมพลังยังคงใช้ร่วมกันกับรุ่นเดิมที่มาพร้อมกับงานวิศวกรรมพื้นฐาน CD6 Platform ร่วมกันกับ Ford Explorer ที่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือกเป็นออฟชั่น เครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ให้พละกำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 563 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ โดยได้ทำการถอดขุมพลัง hybrid เช่นเดียวกับ Ford Explorer

ที่มา: Carscoops