หลังจาก Cadillac เปิดเผยยอดขายตลอดปี 2023 ของค่าย ซึ่งเกิดจากรถตัวถังซีดานที่สามารถกอบโกยยอดขายไปได้มากที่สุด ไม่ใช่รถตัวถัง SUV อย่างที่ค่ายรถค่ายอื่นขายได้ดีที่สุดแต่อย่างใด โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดได้แก่ CT5 จึงได้ถือฤกษ์งามยามดีขึ้นปี 2024 เปิดตัวเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงของรุ่นปรับโฉม ตามหลังเวอร์ชั่นปกติที่เปิดตัวในงาน 2023 Detroit auto show ที่ผ่านมา
โดยเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2024 ที่ผ่านมา Cadillac ได้เปิดตัว CT5-V และ CT5-V Blackwing ที่มาพร้อมงานออกแบบปรับปรุงใหม่ทั้งภายนอกและภายใน รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการสื่อสารและการจัดการข้อมูลภายในตัวรถเวอร์ชั่นใหม่ โดยด้านหน้ามาพร้อมกับกันชนออกแบบใหม่ โดยเฉพาะไฟ DRL ที่ปรับให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งไฟหน้า LED แนวตั้งเช่นเดิม พร้อมด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับขุมพลัง V6 และ V8



ภายในมาพร้อมกับหน้าจอมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ที่เป็นชิ้นเดียวกับหน้าจอกลางขนาด 33 นิ้ว ชุดใหม่ ที่ออกแบบมาในรูปแบบจอโค้ง โดยยังคงไว้ซึ่งปุ่มควบคุมต่างๆ สำหรับระบบความบันเทิงและการควบคุมฟังก์ชั่นของตัวรถ โดยยังคงติดตั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แม้ว่าทาง GM จะออกมาประกาศยกเลิกการติดตั้งระบบดังกล่าวในรถ EV
โดยทั้ง CT5-V และ CT5-V Blackwing ยังได้รับการติดตั้งแอปพลิเคชันพิเศษด้านสมรรถนะตัวรถ ที่แสดงข้อมูลต่างๆมากขึ้นในหน้าจอกลาง โดยจะแสดงผลข้อมูลต่างๆ ได้แก่ พละกำลังสูงสุดและแรงบิดสูงสุดในขณะใช้งาน รวมไปถึงแรงดันและอุณหภูมิของระบบต่างๆ แรงดันของเทอร์โบชาร์จเจอร์ พร้อมด้วยระบบวิเคราะห์การทำเวลาต่อรอบในสนามแข่ง พร้อมกับการแนะนำเทคนิคต่างๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถลดเวลาต่อรอบลงได้
Cadillac ยังได้เพิ่มระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่าง Super Cruise hands-free Level 2 หรือระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นเกียร์อัตโนมัติของทั้ง CT5-V และ CT5-V Blackwing โดยไม่สามารถติดตั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะได้


เครื่องยนต์ของ CT5-V ใช้ขุมกำลังเบนซิน V6 DOHC 24 วาล์วขนาด 3.0 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Twin-Turbocharger พ่วง Intercooler ให้กำลังสูงสุด 360 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 549 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ผ่านล้อคู่หลังหรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นออฟชั่นให้เลือก ซึ่งจะมาพร้อม limited-slip rear differential และ ช่วงล่าง magnetic damper

ในขณะที่เครื่องยนต์ของ CT5-V Blackwing ใช้ขุมกำลังเบนซิน LT4 V8 DOHC 32 วาล์วขนาด 6.2 ลิตร (6,162 ซีซี) จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ตรงสู่ห้องเผาไหม้ แบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ แบบ Supercharger ให้กำลังสูงสุด 677 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 893 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำอัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ภายในเวลา 3.7 วินาที สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ และ 3.6 วินาที สำหรับรุ่น เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

ที่มา: Motorauthority