โรงงานนอกสหราชอาณาจักรของเครือ Jaguar & Land Rover (JLR) ที่ตั้งอยู่ในเมือง Nitra ประเทศสโลวะเกียซึ่งก่อตั้งตั้งแต่ปี 2018 กำลังเตรียมเข้าสู่ยุคของรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% โดยในปัจจุบันได้ทำการประกอบรถยนต์จำนวน 2 รุ่นแรกได้แก่ Discovery V และ Defender EV และด้วยความทันสมัยเกินหน้าเกินตาโรงงานแห่งอื่นๆ ในสหราชอาณาจักรอย่าง Solihull Coventry และ Halewood จึงทำให้ถูกวางหมากไว้เป็นโรงงานที่รองรับการผลิตรถ SUV บนงานวิศวกรรมพื้นฐานใหม่หมดจด ที่เตรียมเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้
JLR มีแผนที่จะเปิดตัวรถ EV อีกจำนวนกว่า 9 รุ่น ภายในปี 2030 นี้ โดยจะแบ่งออกเป็น Jaguar ที่จะผันตัวไปเป็นรถ EV อย่างเต็มตัวไม่เหลือทางเลือกขุมพลังแบบอื่นในอนาคต ขณะที่ฝั่ง Land Rover ยังคงมีทางเลือกขุมพลังอื่นๆ ไปจนกว่าจะถึงปี 2030 ทั้งในรุ่น Range Rover Defender และ Discovery เป็นต้น
โรงงานแห่งนี้เกิดขึ้นได้จากงบลงทุนเป็นเม็ดเงินกว่า 1.3 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่โรงงานขนาดใหญ่กว่า 3 แสนตารางเมตร หรือประมาณ 187.5 ไร่ หลังจากได้ทำการเดินสายพานการผลิตมาตั้งแต่ปี 2018 และประสบความสำเร็จในการผลิต Defender รูปแบบตัวถังต่างๆ จำนวนมากกว่า 3 รูปแบบ ได้แก่ 90 110 และ 130 แต่เพียงผู้เดียว ที่ทำให้จำนวนพนักงานในไลน์การผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1,500 ตำแหน่ง เป็น 5,000 ตำแหน่ง และยังต้องเพิ่มกะจาก 2 กะ เป็น 3 กะ
ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ 130 ที่เป็นเวอร์ชั่นตัวถังยาวรองรับ 8 ที่นั่ง พร้อมก้าวเข้าสู่ยุคของยอดผลิตต่อสัปดาห์ในตัวเลขระดับ 2,000-3,000 คัน ทำให้สามารถสร้างยอดผลิตสะสมได้เป็นจำนวนกว่า 365,000 คัน ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีที่ Land Rover ได้นำมาใช้ในโรงงานแห่งนี้ ยังมีความทันสมัยสูงสุด โดยเฉพาะ PULSE (Propulsion Using Linear Synchronous Energy) ที่เป็นระบบลำเลียงชิ้นส่วนรถยนต์ภายในโรงงานโดยอาศัยระบบขับเคลื่อนจากพลังงาน electromagnetic ที่ช่วยลดระยะเวลาในการขนส่งดังกล่าวได้ 30% และยังช่วยลดค่าพลังงานที่ใช้ในการเดินสายพานการผลิตอีกด้วย
และยังไม่นับรวมเทคโนโลยีด้านการสื่อสารด้วยระบบ Digital ภายในโรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนในเฟสถัดไปที่ใช้เงินมหาศาลกว่า 15 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 6.5 แสนล้านบาท ในการผันตัวเข้าสู่ยุคของรถ EV อย่างเต็มตัวทั้งในแง่การวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงสายพานการผลิตทั้งระบบ ที่ยังกระจายไปยังโรงงานในเมือง Solihull ประเทศอังกฤษ ที่ยังรับหน้าที่ในการผลิต Ranger Rover และ Range Rover Sport รวมไปถึง Jaguar บางรุ่น ที่เตรียมจะใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วนในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา: Motor1