Mercedes-AMG SL รุ่นปัจจุบัน เผยโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2021 เพื่อสานต่อตำนานรถสปอร์ตนำ้หนักเบา ตามชื่อ Sport Leicht ที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1954 โดย AMG SL รุ่นปัจจุบัน รหัสตัวถัง R232 ประเดิมเปิดตัวด้วยรหัส AMG SL 55 MATIC+ และ AMG SL 63 4MATIC+ ก่อนจะเสริมทัพด้วยรหัส AMG SL 43 ตามมาในวันที่ 6 เมษายน 2022 และล่าสุด ทาง Mercedes ได้มีการเพิ่มทางเลือกขุมพลังอีกหนึ่งรหัสเข้ามาเติมเต็มไลน์อัพของ SL ให้ครบครันขึ้น นั่นคือ AMG SL 63 S E Performance รุ่นที่ทรงพลังที่สุดของตระกูล SL ในปัจจุบัน
ดีไซน์ภายนอกของ Merecdes-AMG SL 63 S E Permerformace เมื่อดูเผินๆ จะคล้ายกับ AMG SL 63 4MATIC+ ด้านหน้ายังคงใช้กระจังพร้อมซี่แนวตั้ง Panemericana Grille ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้าแบบ Digital Light ล้ออัลลอยเป็นแบบน้ำหนักเบา ลาย AMG Multi-spoke พร้อมฝาครอบดุมล้อดีไซน์คล้ายกลไก Center Lock สเป็คล้อและยางจากโรงงาน ด้านหน้าเป็นขนาด 20 x 9.5J รัดด้วยยาง ขนาด 265/40 R20 ส่วนด้านหลังเป็นขนาด 20 x 11J รัดด้วยยาง ขนาด 295/35 R20
จุดที่พอจะทำให้แยกความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้ได้ อยู่ที่สัญลักษณ์ E Performace บริเวณแก้มด้านข้าง สัญลักษณ์ SL 63 S บริเวณฝากระโปรงท้าย ตลอดจนช่องชาร์จไฟที่อยู่ใต้ชุดไฟท้ายฝั่งซ้าย ซึ่งถูกติดตั้งเพิ่มเข้ามาในรุ่น AMG SL 63 S E Performance นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Venturi Effect ใต้ฝากระโปรง หน้าเครื่องยนต์ ซึ่งจะยืดออกได้ 40 มิลลิเมตร ที่ความเร็วเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วยเพิ่มแรงกดบริเวณหน้ารถ และมีสปอยเลอร์หลังที่เพิ่มมุมองศาการยกอีก 5 องศา จากรุ่น SL 63 4MATIC+ ช่วยเพิ่มแรงกดบริเวณท้ายรถ ด้วยเช่นกัน
ภายในห้องโดยสาร Mercedes-AMG SL 63 S E Performance มาพร้อมเบาะนั่งแบบ 2 + 2 ตำแหน่ง ใช้ธีมการออกแบบที่ผสมผสานความเป็นอนาล็อกกับความเป็นดิจิตอล หรือ Hyperanalogue ด้านอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงดีไซน์การออกแบบ ไม่ได้ต่างจาก AMG SL รุ่นอื่นๆ ประกอบด้วยหน้าจอชุดมาตรวัดแบบดิจิตอล ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอกลาง ขนาด 11.9 นิ้ว พร้อมระบบ MBUX Multimedia นอกจากนี้ ยังมีอ็อพชั่นเสริมให้เลือกเป็นเบาะนั่ง AMG performance ซึ่งมีพนักพิงศีรษะเป็นชิ้นเดียวกันกับพนักพิงหลัง พร้อมระบบระบายอากาศ และฟังก์ชั่นนวด 3 รูปแบบ
ขุมพลังขับเคลื่อนของ AMG 63 S E Performance มีรูปแบบคล้ายกับ AMG GT63 S E Performance เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร ฉีดจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ Direct Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Twin Scroll Bi-Turbocharged กำลังสูงสุด 612 แรงม้า (HP) ที่ 5,750 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 4,500 รอบ/นาที
ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร รวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบ 816 แรงม้า (HP) 1,420 นิวตันเมตร ส่งกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ด้วยระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ ผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G
ด้านระบบกักเก็บพลังงานใช้ชุดเตอรี่ ความจุ 6.1 kW รองรับการอัดประจุผ่าน On-board Charger 3.7 kW
โหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT มีให้เลือก 8 รูปแบบ ดังนี้
- Electric
- Battery Hold
- Comfort
- Smoothness
- Sport
- Sport+
- RACE
- Individual
สมรรถนะตัวเลขเคลมจากโรงงาน
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h ภายใน 2.9 วินาที (เร็วกว่า AMG SL 63 4MATIC+ 0.7 วินาที)
- ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 317 km/h
- ระยะทางวิ่งสูงสุดด้วยไฟฟ้าล้วน (EV Mode) ทำได้ 13 km. (มาตรฐาน EARE)
เพื่อให้สอดรับกับเรี่ยวแรงที่เพิ่มขึ้น ทีมวิศวกร AMG ได้ทำการอัพเกรดระบบห้ามล้อของ AMG SL 63 S E Performance ให้มีประสิทธิภาพการหยุดยั้งความเร็วดีขึ้น เส้นผ่านศูนย์กลางจานเบรกคู่หน้าใหญ่ขึ้นจาก 390 เป็น 420 มิลลิเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลางจานเบรกคู่หลังใหญ่ขึ้นจาก 360 เป็น 380 มิลลิเมตร โดยวัสดุจานเบรกที่เลือกใช้ยังคงเป็น Ceramic High-performance Composite เช่นเดียวกับ AMG SL 63 4MATIC+
Mercedes-Benz AMG SL63 S E Performance ถือเป็นตัวแรงแห่งค่ายดาวสามแฉกอีกหนึ่งรุ่นที่มีการนำมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบ Hybrid มาปรับใช้คู่กับเครื่องยนต์สันดาปล้วน เพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะด้านความแรงที่เยี่ยมยอดกว่าเครื่องยนต์เพียวๆ
ที่มา : Mercedes-Benz