MINI Cooper E / Cooper SE รุ่นที่ 2 เผยโฉมครั้งแรกอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา เพื่อสืบทอดจิตวิญญาณของ MINI พลังถ่านรุ่นแรก นอกจากจะมีทางเลือกขุมพลังเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีรุ่นย่อย Cooper SE JCW Trim เพิ่มเข้ามาเอาใจลูกค้าที่ต้องการมาดภายนอก – ภายในสไตล์ John Cooper Works ด้วยเช่นกัน ทว่าทางค่ายไม่ได้นำรหัส JCW มาวางไว้ข้างหน้าชื่อรุ่น เนื่องจากไม่ได้มีการปรับแต่งขุมพลังให้แรงขึ้นกว่า Cooper SE รุ่นปกติแต่อย่างใด

 

MINI Cooper SE JCW Trim ถูกปรับมาดภายนอกให้ดูดุขึ้นด้วยกันชนหน้า กันชนหลัง และสเกิร์ตด้านข้าง ดีไซน์ใหม่ กระจังหน้ายังเป็นทรง 8 เหลี่ยมเหมือนรุ่นปกติ แต่มีการปรับเส้นสายส่วนล่างให้มีรายละเอียดมากขึ้น เมื่อมองจากด้านข้างจะพบกับความแตกต่างของล้ออัลลอย ซึ่งเปลี่ยนจากลาย Night Flash Spoke เป็นลาย Lap Spoke ขนาด 18 นิ้ว ดูเป็นมิตรต่อคาร์แคร์มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการประดับด้วยองค์ประกอบสีแดง Chilli Red อาทิ สติ๊กเกอร์บนฝากระโปรงหน้า ฝาครอบกระจกมองข้าง หลังคา ตลอดจนสปอยเลอร์หลังพร้อมครีบรีดอากาศ

 

ภายในห้องโดยมีงานออกแบบและอุปกรณ์แบบเดียวกับรุ่นปกติ อาทิ หน้าจอทรงกลมแบบ OLED ขนาด 9.44 นิ้ว ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Mini Operating System 9 เป็นศูนย์กลางที่รวมการเชื่อมต่อต่างๆและข้อมูลที่จำเป็นต่อการขับขี่อย่างครบถ้วน ที่ทำงานภายใต้ระบบ Android Open Source Project (AOSP) ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของ BMW Group ที่จะปลดล๊อคขีดจำกัดของระบบศูนย์ข้อมูลภายในรถ ให้ทันสมัยทัดเทียมกับอุปกรณ์ไอทีอื่นๆในปัจจุบัน พร้อมด้วยผู้ช่วยส่วนตัว “Hey! MINI”  ส่วนที่ต่างกันจะอยู่ที่ลวดลายของวัสดุบุแผงหน้าปัดด้านหน้า ลาย JCW-specific Pattern วัสดุหุ้มเบาะนั่ง รวมถึงการตัดเย็บด้วยด้ายสีแดงบริเวณพวงมาลัย

 

ด้านขุมพลังขับเคลื่อน ยกมาจาก Cooper SE รุ่นปกติ เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า FWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 95 กิโลวัตต์ หรือ 218 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 54.2 kWh ให้พิสัยการเดินทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จได้ 402 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) สามารถชาร์จได้ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC กำลังไฟสูงสุด 95 kW และไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟสูงสุด 11 kW

สมรรถนะเคลมจากโรงงาน มีดังนี้

  • อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 6.7 วินาที
  • ระยะเวลาชาร์จด้วย DC Fast Charge จาก 10 – 80% ภายใน 30 นาที

แม้จะไม่ได้อัพเกรดมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีเรี่ยวแรงมากกว่า Cooper SE ปกติ แต่ก็พอจะสนุกสนานด้วยโหมดการขับขี่ GO-KART Mode ที่มีการตอบสนองของคันเร่งเร็วขึ้น พร้อมเปลี่ยนบรรยากาศภายในให้สปอร์ตขึ้นด้วยไฟ Ambient Light สีแดง

 

ทั้ง MINI Cooper E, Cooper SE และ Cooper SE JCW Trim ถูกรังสรรค์จากความร่วมมือระหว่าง MINI และ Great Wall Motors ที่ช่วยกันพัฒนางานวิศวกรรมพื้นฐาน Spotlight EV platform โดยทุกร่อยคาดว่าจะถูกขึ้นสายพานการผลิตในประเทศจีนที่เมือง Jiangsu ช่วงต้นปี 2024 เป็นต้นไป

ที่มา : MINI