ตัวแทนจำหน่ายรถทั่วอเมริกาเหนือจำนวนกว่า 4,000 ราย กำลังรวมตัวส่งหนังสือถึงประธานาธิบดีไบเดน เพื่อให้ชะลอการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมรถ EV เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มยอดขายรถ EV ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เป็นการลงเงินไปได้ใช่เหตุ เนื่องจากมีเหตุผลและปัจจัยที่หลากหลายในการตัดสินใจเลือกซื้อรถ EV

ถึงแม้ตัวแทนจำหน่ายในกลุ่มนี้ ได้เสียเม็ดเงินลงทุนไปกับการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคของรถ EV กันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์อย่าง Ford Kia Hyundai Mercedes-Benz และ Volvo เป็นต้น กลับพบความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมลูกค้า ที่มีความลังเลในการตัดสินใจจับจ่ายรถ EV เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า ทำให้ยอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง และอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง จนทำให้เม็ดเงินลงทุนในภาคส่วนนี้ไม่เกิดดอกเกิดผลตามเป้าหมายอย่างที่ควรจะเป็น

ปัจจัยแรกได้แก่ ราคาจำหน่ายของรถ EV ที่มีส่วนต่างเมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในและรถ Hybrid อย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น Hyundai Kona รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ที่มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 25,435 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่รุ่นขุมพลังไฟฟ้าล้วนมีราคาจำหน่ายที่ 34,885 เหรียญสหรัฐฯ

ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาเรื่องสถานีชาร์จและพื้นที่ชาร์จไฟรอบบริเวณที่อยู่อาศัยก็สร้างความลังเลในการตัดสินใจซื้อรถ EV คันแรก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีโรงรถส่วนตัว และต้องพึ่งพาสถานีชาร์จสาธารณะ รวมไปถึงระยะทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จที่ยังคงน้อยเกินไปในการใช้งานบางรูปแบบ รวมไปถึงรถกระบะ EV ที่ระยะทางวิ่งน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อทำการลากจูงน้ำหนักบรรทุก ตัวอย่างเช่น Ford F-150 Lightning ที่ระยะทางหายไปเป็นสัดส่วนกว่า 25% เมื่อทำการลากจูง

 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเชิงสถิติจากสำนักข่าว Wall Street Journal ของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่เปรียบเทียบระยะเวลาในการวางจำหน่ายของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน เปรียบเทียบกับรถ EV ในช่วงเวลาเดียวกัน จะพบว่า รถ EV จะใช้เวลาในการจบการขายนานถึง 65 วัน ขณะที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์กลุ่มดังกล่าวยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ได้กีดกันรถ EV แต่อย่างใด แต่พวกเค้าต้องแบกรับความเสี่ยงในการสต๊อครถ EV อย่างไร้จุดหมาย รวมไปถึงนโยบายการสนับสนุนการเติบโตของรถ EV ที่ยังมีจุดบกพร่อง โดยเฉพาะการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่ปัจจัยด้านการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร จนกว่าทุกสิ่งข้างต้นจะเข้าที่เข้าทาง นโยบายการสนับสนุนรถ EV จึงจะให้ดอกออกผลอย่างชัดเจนได้มากกว่าในปัจจุบัน

ที่มา: Autoblog