ตลาดรถ EV มือสองในสหรัฐอเมริกากำลังตกที่นั่งลำบาก ถึงแม้ว่ากระแสยอดขายรถยนต์ใหม่ขาขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปีของรถ EV จะมองเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่เมื่อพิจารณายอดขายในแต่ละช่วงเดือน จะพบว่ามีการเพิ่มขึ้น-ลดลง ตามแต่ละสถานการณ์ของตลาดในขณะนั้น โดยเฉพาะยอดขายของรถ EV มือสอง ที่ทางศูนย์วิจัยทางการตลาด iSeeCars ได้เผยรายละเอียดถึงแนวโน้มของยอดขายรถ EV มือสอง จำนวนกว่า 2.3 ล้านคัน ที่มีอายุใช้งานตั้งแต่ 1 จนถึง 5 ปี และพบว่า รถ EV มีความสามารถในการแข่งขันต่ำกว่ารถที่ใช้ขุมพลัง Hybrid และเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน
โดยตัวเลขอัตราส่วนของราคาจำหน่ายรถมือ 2 ที่ลดลงนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 เทียบกับเดือนตุลาคม 2023 จะพบว่า รถ EV ใช้แล้วมีค่าเฉลี่ยของราคาจำหน่ายลดลงเป็นอัตราส่วนกว่า 33.7% หรือมีราคาขายเฉลี่ยลดลงจาก 52,821 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงเหลือเพียง 34,994 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่รถมือ 2 ขุมพลัง Hybrid กลับมีอัตราส่วนราคาลดลงเพียง 9.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีราคาเฉลี่ยลดลงจาก 34,850 เหรียญสหรัฐฯ ลดลงเหลือเพียง 31,511 เหรียญสหรัฐฯ
โดยอีกสถิติที่ชี้วัดว่ารถ EV มือ 2 มีความนิยมลดลง ได้แก่ระยะเวลาเฉลี่ยในการขายได้เพิ่มขึ้นจาก 37.5 วัน ในเดือนตุลาคม 2022 เป็น 52.4 วัน ในเดือนตุลาคม 2023 ขณะที่ค่าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 49.2 วัน
ผลกระทบดังกล่าวคาดว่าจะมาจากมาตรการลดราคาจำหน่าย โดยเฉพาะแบรนด์ Tesla ที่ใช้มาตรการลดราคาจำหน่ายอย่างกะทันหัน ทำให้มีกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มของรถ EV ป้ายแดง อย่างไรก็ตาม ราคาจำหน่ายของรถ EV แบรนด์อื่นๆ ยังคงสูงกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมด้วยข้อจำกัดในการใช้งาน จึงทำให้ความนิยมรถ EV ใช้แล้วยิ่งดิ่งลงอย่างน่าตกใจ
ต้องจับตาดูกระแสรถ EV รุ่นใหม่ ที่ทยอยเปิดตัวอย่างเนืองแน่น ไม่ว่าจะเป็น Model 3 Highland Chevrolet Bolt EV รุ่นใหม่ Volvo EX30 รวมไปถึง Chevrolet Equinox EV ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับรถ EV ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน Kia EV6 Ford F-150 Lightning Polestar 2 และ Volkswagen ID.4 ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้กำลังอยู่ในช่วงยอดขายขาลง คงต้องรอดูการเปลี่ยนแปลงของวงการรถ EV ทั้งป้ายแดงและมือ 2 หลังจาก Tesla และแบรนด์อื่นๆ จากประเทศจีนต่างพากันตบเท้าเปิดตัวรถรุ่นใหม่กันอย่างไม่ขาดสาย พร้อมลุยตลาดที่นอกประเทศบ้านเกิดมากยิ่งขึ้น
ที่มา: Insideevs