Kia กระตุ้นตลาดบ้านเกิดในเกาหลีใต้ด้วยการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมของรถซีดานขนาดกลางรุ่น K5 หรือที่วางจำหน่ายในชื่อ Optima ในอเมริกาเหนือ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2023 โดยมีการปรับเส้นสายการออกแบบใหม่ พร้อมด้วยการอัพเกรดระบบ Infotainment ต่างๆ ภายในรถ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่า Kia จะทำการปรับโฉมให้กับ Optima ในตลาดอเมริกาเหนือในรูปแบบเดียวกันกับ K5 หรือไม่ คงต้องรอให้ถึงกำหนดการในต้นปี 2024 ที่เป็นช่วงเวลาของการปรับโฉม



รายละเอียดของการปรับโฉมในครั้งนี้ เริ่มต้นที่ไฟหน้ารูปทรงแปลกตา ที่มาพร้อมไฟ DRL ใหม่ โดยมีชื่อเรียกว่า “Star Map Signature Lighting” ขณะที่ช่องดักลมมีรูปทรงสี่เหลี่ยมเสริมภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัย โดยเป็นการนำเส้นสายจากบรรดารถ EV รุ่นต่างๆ ภายในค่ายมาปรับใช้ เช่นเดียวกับ Carnival


ด้านท้ายที่แต่เดิมมาพร้อมกับไฟท้าย LED ที่ลากยาวตลอดความกว้างตัวถัง กลับเปลี่ยนมาใช้แบบแยกส่วนแทน พร้อมด้วยเส้นสายที่ปรับให้กันชนท้ายมีรูปทรงโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม รับกับติ่งของไฟท้ายที่ยื่นออกมาเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมาพร้อมชิ้นดิฟฟิวเซอร์ขนาดเล็กใต้บริเวณแผ่นป้ายทะเบียน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมแพ็คเกจ Black Fit ที่เปลี่ยนมาใช้ล้ออัลลอยลายพิเศษ พร้อมสีดำตกแต่ง รวมไปถึงสีตัวถังภายนอก ที่มาพร้อมสีเทาด้าน Moonscape Matte Grey และสีเทา Wolf Grey ให้เลือกเพิ่มเติม



ขณะที่ภายในห้องโดยสารมีการปรับใหญ่ ด้วยการเปลี่ยนมาใช้หน้าจอคู่ที่ประกอบไปด้วยจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่และหน้าจอระบบความบันเทิงต่างๆ ขนาดเท่าๆ กัน อย่างละ 12.3 นิ้ว ถึงแม้ว่าจะยังใช้แผงคอนโซลหลักชุดเดิมก็ตาม นอกจากนี้ยังมาพร้อมปุ่มกดและปุ่มหมุนที่วางตัวคู่กับหน้าจอสัมผัสของส่วนควบคุมระบบปรับอากาศ นอกจากนี้ยังมาพร้อมปุ่มควบคุมเกียร์แบบหมุนตามสมัยนิยม พร้อมด้วยแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย




นอกจากนี้ยังมาพร้อมการอัพเดทระบบปฏิบัติการแบบไร้สายหรือ Over-The-Air ทำงานร่วมกับกุญแจแบบ Digital key โดดเด่นด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคฟังก์ชั่นต่างๆภายในรถ นอกจากนี้ยังมาพร้อมเครื่องเสียงพร้อมระบบเสียงแบบ 5.1-channel ทั้งหมดนี้มาพร้อมภายในที่มีให้เลือกทั้งหมด 3 โทนสี ได้แก่ สีดำ สีน้ำตาล และสีเบจ

ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถังในหลายๆจุด แต่รายละเอียดเทคนิคทางด้านขุมพลังต่างๆ ยังคงใช้ชุดเดิมอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่
- เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร T-GDi (turbocharged gasoline direct injection) เทอร์โบ กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 265 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 4,500 รอบ/นาที
- เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร T-GDi (turbocharged gasoline direct injection) เทอร์โบ กำลังสูงสุด 290 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 422 นิวตัน-เมตร เฉพาะรุ่นนี้จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ DCT ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6 วินาที
Kia เตรียมวางจำหน่าย K5 รุ่นปรับโฉมในฐานะ 2025 Model Year ในช่วงต้นปี 2024 นี้
ที่มา: Autoblog