Stellantis วางแผนที่จะเปิดตัวรถ EV ที่มีราคาจับต้องได้สำหรับตลาดยุโรปอีกทั้งหมด 7 รุ่น โดยที่รวมรุ่นล่าสุดอย่าง Citroen e-C3 ไว้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกพัฒนาขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน “Smart Car” platform ที่ใช้ร่วมกันกับแบรนด์ที่อยู่ในเครือ ได้แก่ Fiat และ Opel เพื่อให้สามารถต่อกรกับบรรดารถ EV ราคาประหยัดที่หลั่งไหลเข้ามาทำตลาดในภูมิภาคยุโรปกันอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างเรียบง่าย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการจัดการต้นทุน หลังจากการควบรวมกันของแบรนด์ต่างๆ ระหว่าง PSA Group และ Fiat Chrysler Automobiles ภายใต้ชื่อใหม่อย่าง Stellantis ทั้งหมด 14 แบรนด์ จึงได้ยุบงานวิศวกรรมพื้นฐานที่แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ Small Medium Large และ Frame
อย่างไรก็ตาม รถ EV ที่เพิ่งจะเปิดตัวล่าสุดอย่าง Citroen e-C3 กลับใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน “Smart Car” platform ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก CMP platform ของกลุ่ม PSA เพื่อควบคุมต้นทุนของรถ EV ในปัจจุบันให้สามารถต่อกรกับรถ EV ทั่วไป โดยเฉพาะรถจากประเทศจีน รวมไปถึง Dacia Spring โดยยังมีข้อได้เปรียบมากกว่างานวิศวกรรมพื้นฐานสำหรับรถ EV ล้วน ตรงที่ความสามารถในการติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในได้เช่นเดียวกัน
ขณะที่เวอร์ชั่นใหญ่กว่าของ Citroen e-C3 รวมไปถึงรถ EV จากอีก 2 แบรนด์ภายใต้เครือ Stellantis ก็เตรียมที่จะเปิดตัวตามมา นับตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับ Fiat Panda รุ่นใหม่ที่จะมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วน และมีกำหนดการเปิดตัวในช่วงกลางปี 2024
ในส่วนของแบรนด์ Opel ที่เตรียมเปิดตัวรถ EV ที่ราคาจำหน่ายในระดับเดียวกันกับ Citroen e-C3 ก็เตรียมจะเปิดตัวในลำดับถัดไปเช่นเดียวกัน
กำลังการผลิตรถ EV ที่สร้างขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน “Smart Car” platform ที่มีขึ้นอยู่ในโรงงานที่ตั้งอยู่ในเมือง Trnava ประเทศ Slovakia ซึ่งทาง Stellantis ได้วางแผนที่จะขยายความสามารถในการจัดตั้งโรงงานในประเทศอื่นๆในยุโรปอีกด้วย
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจรถ EV ราคาประหยัด ได้แก่ การที่ Stellantis สามารถสรรหาเหล่าผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ที่ทำราคาต้นทุนได้ต่ำกว่าปกติ รวมไปถึงการเลือกชิ้นส่วนระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่จากประเทศจีน ทั้งหมดนี้จะทำให้รถ EV ที่ถูกพัฒนาบน “Smart Car” platform สามารถต่อกรกับค่าแข่งจากหลากหลายประเทศได้ โดยเฉพาะด้วยราคาที่ต่ำกว่า 20,000 ยูโร หรือประมาณ 768,622 บาท
ที่มา: Automotive News Europe