Citroen เปิดตัวรถยนต์ Hatchback คู่บุญของค่ายที่เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 4 ในปี 2023 นี้ โดยได้ผันตัวไปเป็นรถ EV อย่างเต็มตัว หลังจากทั้ง 3 เจเนอรชั่นจำนวนกว่า 5.6 ล้านคัน ล้วนแล้วแต่ใช้ขุมพลังสันดาปภายในมาโดยตลอด จึงนับว่าเป็นครั้งแรกที่ก้าวข้ามขุมพลัง Hybrid เพื่อที่จะเข้าสู่ยุคของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจของหัวเรือใหญ่อย่าง Stellantis

 

Citroen e-C3 ถูกสร้างขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน Smart Car Platform ที่เปลี่ยนโฉมมากกว่าเพียงแค่โลโก้และขุมพลังภายใน ทำให้รถ Hatchback กลายร่างมาเป็นรถ SUV ขนาดเล็ก ด้วยกระแสนิยมที่เปลี่ยนไป หลังจากได้ลองเชิงกับเจอเนอเรชั่นก่อนหน้าในปี 2016 ขณะที่เมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา Citroen ได้เปิดตัว e-C3 วางจำหน่ายที่อินเดีย วิ่งได้ไกลสุด 320 กิโลเมตร แต่ทว่านี่คือรถยนต์คนละรุ่นและแตกต่างกันตั้งแต่งานวิศวกรรมพื้นฐาน รวมไปถึงขุมพลังไฟฟ้าที่ซ่อนอยู่ภายใน ถึงแม้จะวิ่งได้เป็นระยะทางสูงสุดเท่ากันก็ตาม

 

งานออกแบบภายนอกมีความแปลกตากว่ารถรุ่นอื่นๆ ในค่าย เนื่องจากใช้แนวทางการออกแบบใหม่หมดจด มีความเหลี่ยมสันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีระยะ overhang หน้า-หลัง ที่สั้นลงอย่างชัดเจน ขณะที่เส้นสายหลังคาและเสาต่างๆของตัวรถมีความแข็งแรงและบึกบึนกว่ารุ่นก่อนหน้า เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารและสร้างบรรยากาศที่โปร่งโล่ง ทำให้ผู้โดยสารมีพื้นที่วางขาและพื้นทีเหนือศีรษะเพิ่มมากขึ้น ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 300 เป็น 310 ลิตร

 

 

 

ไฮไลท์อยู่ที่โลโก้ใหม่ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ e-C3 มีภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เข้ากันกับเส้นสายของไฟหน้ารูปตัว C แบบเหลี่ยมจัด พร้อมด้วยกันชนหน้าทรงสูงรับกันกับขอบฝากระโปรงหน้า และยังเพิ่มลูกเล่นเส้นตกแต่งบริเวณช่องดักลมที่ขนาบอยู่บริเวณด้านข้างของกันชนหน้าทั้ง 2 ข้าง ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามต้องการ เช่นเดียวกันกับเส้นตกแต่งบริเวณเสา C

ด้านท้ายมาพร้อมความเรียบง่ายและไฟท้ายขนาดพอเหมาะที่เลือกใช้เป็นทรงเหลี่ยมสันเช่นเดียวกับไฟหน้า พร้อมไฟ LED รูปตัว C และไม่ลืมที่จะติดตั้งเส้นตกแต่งคาดฝากระโปรงท้ายตามสมัยนิยม พร้อมกับลวดลายที่เข้ากันกับโลโก้ใหม่นี้

 

ขณะที่ขุมพลังที่เปิดตัวในช่วงแรกจะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium Ferro Phosphate (LFP) ความจุ 44 kWh ที่สามารถชาร์จจาก 20% – 80% ได้ภายในเวลา 4 ชั่วโมง โดยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟสูงสุด 7 kW ขณะที่การชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC กำลังไฟสูงสุด 100 kW สามารถลดระยะเวลาเหลือ 30 นาทีเท่านั้น และยังให้ระยะทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จที่ 320 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมด้วยตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 11 วินาที

 

Citroen แบ่งรุ่นย่อยตามการตกแต่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ You และ Max โดยในรุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมไฟหน้า LED ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน จอ head-up display เซนเซอร์ถอยหลัง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปกติ ขณะที่รุ่น Max จะได้รับการอัพเกรดจากล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบ เป็นล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมสีตัวถังแบบทูโทน ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกมองข้างพร้อมระบบไล่ฝ้า แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ

 

Citroen วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นของ e-C3 ไว้เพียง 23,300 ยูโร หรือประมาณ 895,387 บาท ขณะที่รุ่นเริ่มต้นซึ่งมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุน้อยลง และทำให้พิสัยการเดินทางเหลือ 200 กิโลเมตร จะมีราคาจำหน่ายเพียง 19,990 ยูโร หรือประมาณ 768,170 บาท ทำให้ e-C3 มีราคาจำหน่ายเทียบเท่ารถ EV ที่ถูกที่สุดในตลาดยุโรป นั่นก็คือ Dacia Spring และคาดว่า Stellantis จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับตลาดรถ EV ขนาดเล็กได้โดยง่าย

ที่มา: Motor1