Mazda ได้รุกตลาดด้วยรถ SUV มาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วย CX-5 รุ่นแรกของเทคโนโลยี Skyactiv ก่อนที่จะตามมาด้วยรุ่นอื่นๆ อย่าง CX-3 CX-8 CX-9 CX-30 จนกระทั่งเจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนล้อหลังครบทั้ง 4 รุ่น อย่าง CX-60 CX-70 CX-80 และ CX-90 ที่วางจำหน่ายในแต่ละภูมิภาคทั่วโลกเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งหมดนี้ ทำให้ Mazda มีผลประกอบการที่หล่อเลี้ยงบริษัทให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้

เมื่อพิจารณาแผนการเปิดตัวรถรูปแบบอื่นๆ ทั้งซีดาน Hatchback และรถสปอร์ตขนาดเล็กอย่าง MX-5 / Miata ที่ทางค่ายดูเหมือนจะใส่เกียร์ว่างและยังไม่มีข่าวคราวหลุดมาในช่วงนี้เท่าไรนัก จนกระทั่งข่าวล่ามาแรงจากสื่อยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่นบ้านเกิดได้เผยรายละเอียดว่า Mazda กำลังปัดฝุ่นโปรเจ็คการพัฒนารถซีดาน D-segment หรือ Mazda 6 บนงานวิศวกรรมพื้นฐานร่วมกันกับเหล่า SUV วางเครื่องด้านหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง หลังจากเคยมีข่าวหลุดมาก่อนหน้าว่า Mazda ได้พับเก็บโครงการนี้ไปตั้งแต่ต้นปี 2023 ที่ผ่านมา

เมื่อย้อนความถึง Mazda 6 รุ่นปัจจุบันที่ใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานร่วมกันกับ Skyactiv เวอร์ชั่นก่อนหน้า ที่ยังคงใช้รูปแบบเครื่องยนต์วางแนวขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า เปิดตัวตั้งแต่ปี 2012 และยังจำหน่ายมาถึงปัจจุบันในบางตลาด แต่ได้ยุติบทบาทในสหรัฐอเมริกาไปตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมา หลังจากได้รับผลกระทบจากกระแสความนิยมรถ SUV

 

สำหรับขุมพลังที่อาจนำมาใช้กับรถซีดานรุ่นใหญ่นี้ มีความเป็นไปได้ที่จะยกมาจาก CX-60 ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Plug-in hybrid เครื่องยนต์ SKYACTIV-G เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.5 ลิตร 2,488 ซีซี Direct Injection กำลังอัด 13.0 : 1 กำลังสูงสุด 192 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 261 นิวตันเมตร พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100kW หรือ 136 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ จับคู่กับแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 17.8 kWh ติดตั้งกลางตัวถังเพื่อกระจายน้ำหนัก รวมกำลังสูงสุดทั้งระบบ 327 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร

 

หรือหากยังคงมีทางเลือกขุมพลังดีเซลเหมือนกับรุ่นปัจจุบันก็จะยกเครื่องยนต์ดีเซล Mild-hybrid ให้กับประเทศญี่ปุ่นเครื่องยนต์ e-Skyactiv D ดีเซล 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์ว 3.3 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วย หัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ ผ่านระบบราง Common-Railพร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharger พ่วงระบบ Mild-hybrid 48V ด้วยมอเตอร์ขนาด 17 แรงม้า (PS) และแบตเตอรี่ขนาด 0.33 kWh กำลังสูงสุด 254 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. มีน้ำหนักตัวถังประมาณ 1,900 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ต้องจับตาดูกระแสข่าวอีกระลอกว่าจะมีมูลความจริงเท็จประการใด เนื่องจากงานวิศวกรรมพื้นฐานเครื่องยนต์วางตามยาวขับเคลื่อนล้อหลังจะยังอยู่กับค่ายไปอีกพักใหญ่ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียคุณค่า Mazda ก็ควรที่จะสร้างรถซีดาน 4 ประตูทรงสปอร์ตที่ตนถนัดทิ้งทวนวงการรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน

ที่มา: Carscoops