Great Wall Motor ได้เปิดรับจองรถ SUV ทรงเหลี่ยมจัดที่พร้อมเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดโดยใช้กลยุทธ์ราคาที่เอื้อมถึงได้ง่าย ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดจองล่วงหน้ากว่า 25,000 คัน โดยมีรหัสพัฒนาตัวถังว่า B26 และวางตำแหน่งไว้เป็นรถ off-road SUV ที่จับกลุ่มตลาดวัยรุ่นซึ่งสามารถลุยฝ่าอุปสรรคได้จริง ด้วยระบบ Hybrid Intelligent 4WD โดยเคยถูกเรียกเป็นภาษาจีนอีกชื่อหนึ่ง ได้แก่ Xianglong ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Raptor
งานออกแบบภายนอกมาพร้อมกับกระจังหน้าที่ติดตั้งเส้นแนวนอนขนาดใหญ่สีเงิน 3 แถบ พร้อมตกแต่งด้วยหมุดสีเงิน ให้อารมณ์ตัวลุยพันธุ์แกร่ง โดยยังมาพร้อมโลโก้ตัวอักษร HAVAL ขนาดใหญ่เช่นเดียวกับ Big Dog พร้อมไฟคู่หน้าทรงกลมแบบเรโทร ขณะที่ไฟท้ายรูปทรงสี่เหลี่ยมขอบมนข้างละ 2 ดวง ก็ดูเหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถตรวจการจากเมืองผู้ดีอย่าง Land Rover Defender 130 พร้อมด้วยการติดตั้งยางอะไหล่ไว้ที่กลางฝากระโปรงท้ายที่เปิดออกทางด้านข้าง นอกจากนี้กันชนท้ายยังมาพร้อมออฟชั่นขอเกี่ยวลาก
มิติตัวถังรถ
- ความยาว 4,800 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,816 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,822 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร
ภายในมาพร้อมกับหน้าจอกลางขนาด 14.6 นิ้ว คู่กันกับหน้าจอมาตรวัดสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 13.2 นิ้ว และยังมีหน้าจอ Head-up display อีกด้วย พร้อมด้วยระบบปฏิบัติการจาก GWM เอง อย่าง Coffee Intelligence system ที่จัดการระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS ระบบนำทาง และระบบความปลอดภัย ให้สามารถดึงศักยภาพการทำงานได้อย่างสูงสุด พร้อมด้วยการวางแผนการเดินทางตามการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Haval Raptor จะมาพร้อมทางเลือกขุมพลัง Hi4 2 รูปแบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมสูงสุดในเวอร์ชั่น Low Power สุทธิ 378 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมแบตเตอรี่ความจุ 19.09 kWh ให้ระยะทางสูงสุดจากพลังงานไฟฟ้าที่ 102 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
ขณะที่เวอร์ชั่น High power จะให้กำลังรวม 384 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมแบตเตอรี่ความจุ 27.54 kWh ให้ระยะทางสูงสุดจากพลังงานไฟฟ้าที่ 145 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
ทั้ง 2 เวอร์ชั่นรองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรงกำลังไฟฟ้าสูงสุด 41 kW และรองรับระบบจ่ายไฟสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ กำลังไฟสูงสุด 3.3 kW
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยควบคุมแรงบิด หรือ iTVC intelligent torque vectoring control system ซึ่งทำให้การเข้าโค้งของรถง่ายขึ้น ขณะที่การลุยฝ่าอุปสรรคต่างๆ ก็สามารถทำได้โดยง่ายเนื่องจากมาพร้อม differential lock ที่เพลาล้อคู่หลัง ทำให้สามารถควบคุมแรงบิดล้อซ้าย-ขวา ได้อย่างอิสระ พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ได้แก่ snow sand mud เป็นต้น รวมไปถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ Level 2
Haval Raptor มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 160,000-190,000 หยวน หรือประมาณ 814,782 – 977,995 บาท
ที่มา: Carnewschina