กระแสของ BYD แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่กันเสียแล้วโดยเฉพาะทางด้านยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา โดยมียอดขายรวมกว่า 824,001 คัน ซึ่งแบ่งออกเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 431,603 คัน ขณะที่คู่แข่งในกลุ่มรถ EV อย่าง Tesla ก็กวาดยอดขายไปแล้วกว่า 435,059 คัน เท่ากับว่า BYD จ่อรดคอหอยกันมาติดๆ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ BYD หลังจากมีแนวโน้มยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

โดยอัตราส่วนยอดขายจำนวนมากขนาดนี้ คิดเป็น 99.21% ของยอดขาย Tesla ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่ห่างน้อยกว่าทุกๆเดือนที่ผ่านมา โดยยอดขายของ BYD ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 มีจำนวนมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 ถึง 66.9% และ มากกว่าไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 อยู่ 22.6%

ในส่วนของ Tesla ที่มียอดขายไตรมาสที่ 3 จำนวนมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2022 คิดเป็นอัตราส่วน 26.5% ถึงแม้ว่าจะน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 นี้ อยู่ 6.7% หรือประมาณ 30,000 คัน เนื่องจากมีการลดกำลังการผลิต จากแผนการปรับปรุงโรงงานประกอบ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาแนวโน้มยอดขายตลอดปี 2023 จะพบว่า Tesla ทิ้งห่าง BYD มาโดยตลอด โดยยังคงขายรถไปได้มากกว่า BYD เป็นจำนวนถึง 670,000 คัน จนกระทั่งผ่านช่วงกลางปี 2023 ที่ผ่านมา BYD ได้รุกตลาดอย่างหนักหน่วง จนสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งช่องว่างระหว่าง 2 แบรนด์ลดน้อยลงในไตรมาสที่ 3 ที่เหลือเพียงแค่ 3,456 คัน จึงน่าจับตามองว่า ยอดขายในไตรมาสที่ 4 ของ BYD จะสามารถเอาชนะ Tesla ได้หรือไม่

 

แน่นอนว่า ทั้ง 2 ค่าย ได้รุกตลาดนอกประเทศจีนอย่างไม่มีใครยอมใคร ทางฝั่ง Tesla เองที่มีโรงงาน Gigafactory ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา จีน และเยอรมัน รวมไปถึงโรงงานแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในเม็กซิโก

ทางฝั่ง BYD ที่ลงทุนนอกประเทศจีนมาตลอดระยะเวลา 1-2 ปี นี้ โดยเฉพาะในประเทศไทย อุซเบกิสถาน และบราซิล ที่ทางแบรนด์หมายมั่นปั้นมือให้เป็นอีกตลาดหลักของรถ EV นอกประเทศจีนและยุโรป

ที่มา: Carnewschina