Volvo ผู้ผลิตรถยนต์ที่เตรียมเข้าสู่ยุคของ EV ล้วน ภายในสิ้นปี 2030 นี้ ได้วางแผนธุรกิจเพื่อรองรับการปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งในแง่การลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ และการใช้เม็ดเงินลงทุนกับเทคโนโลยีและสายพานการผลิตในอนาคตอันใกล้นี้ โดยล่าสุด กับการใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อนำไปปรับปรุงขั้นตอนการผลิตและดำเนินธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะการแบ่งงบประมาณบางส่วนไปจ่ายให้กับการเกษียณอายุงานก่อนวัย

 

Volvo เตรียมลดอัตราพนักงานเป็นสัดส่วนกว่า 10% ที่ประจำการอยู่ในออฟฟิศที่ประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา โดยคำกล่าวของ CEO คนปัจจุบัน Jim Rowan ที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเข้าสู่ยุคของรถ EV อย่างเต็มรูปแบบ ภายในปี 2030 นี้ ทำให้การลงทุนที่จำเป็นยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรต่างๆ แหล่งทรัพยากรและชิ้นส่วนยานยนต์ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการออกแบบขั้นตอนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ยังได้รับการยืนยันจาก Michael Cottone หรือประธานบริหารของ Volvo Car USA and Canada ถึงเม็ดเงินลงทุนกว่า 88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากผลกระทบในวงกว้างของการเตรียมปรับตัวเข้าสู่ยุคของผู้ผลิตรถ EV ทั้งกระบวนการทำงานและขั้นตอนต่างๆ ที่อาจเกินความจำเป็นเมื่อไม่มีการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอีกต่อไป รวมไปถึงประสิทธิภาพการผลิตรถยนต์ที่ต้องมีมากขึ้น ทั้งในแง่ต้นทุนและคุณภาพในการผลิต จึงจะสามารถต่อกรกับบรรดาผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

 

 

ก่อนหน้านี้ Volvo ได้ลดอัตราพนักงานในออฟฟิศที่สวีเดนบ้านเกิดไปแล้วกว่า 1,300 อัตรา คิดเป็นสัดส่วน 6% ก่อนที่จะปรับลดสเกลงานวิจัยและพัฒนาในออฟฟิศที่ Silicon Valley Tech Center และ Southern California design center ที่สหรัฐอเมริกาเหลือเพียง 75% เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น

เหนือสิ่งอื่นใด Volvo ยังได้ดำเนินการอบรมเหล่าพนักงานเพื่อให้รองรับการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคของผู้ผลิตรถ EV อย่างเต็มตัว รวมไปถึงการจ้างบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เซลล์แบตเตอรี่ รวมไปถึงชิ้นส่วนทางไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์อย่าง inverter เป็นต้น ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะยืนยันว่า Volvo จะสามารถอยู่รอดท่ามกลางสงครามการต่อสู้ของบรรดาผู้ผลิตรถ EV ทั่วโลก

ที่มา: Carscoops