KIA Motors (ประเทศไทย) ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งค่าย ที่เริ่มนำรถยนต์ไฟฟ้า 100% เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ประเดิมเปิดตัว KIA Soul EV (2nd Generation) เมื่อปี 2017 ด้วยราคา 2,297,000 บาท (นำเข้า CBU) ตามด้วย KIA Soul EV (3rd Generation) ในปี 2019 มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์เดี่ยว 204 แรงม้า พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion Polymer Battery (LIPO) ความจุ 64 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จอยู่ที่ 452 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) สนนราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2,387,000 บาท (นำเข้า CBU)
ก่อนหน้านี้ KIA เคยมีทีท่าสนใจเกี่ยวกับการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่กำลังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อช่วงเดือน ธันวาคม 2022 เคยนำรถยนต์ไฟฟ้า 100% EV6 GT-Line มาจัดแสดงที่งาน Thailand International Motor Expo 2022 เพื่อเป็นการโชว์เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Electric-Global Modular Platform และหยั่งกระแสตอบรับจากลูกค้าชาวไทย
ล่าสุด เพจรายงานความเคลื่อนไหวเกี่ยวการลงทุนในไทยอย่าง Thailand Development Report รายงานว่า KIA ได้เจรจาร่วมกับทางฝ่ายไทยหลายครั้ง เพื่อพูดคุยถึงสิทธิประโยชน์ด้านการสนับสนุนการลงทุนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าที่ชัดเจน และมีแบบแผนมากที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) จึงส่งผลให้ KIA มองเห็นถึงโอกาสสำคัญในการเข้ามาตั้งโรงงานแห่งแรกในอาเซียนที่ประเทศไทย และนอกจากนี้โรงงานที่ประเทศไทยกำลังจะลงทุนนั้นยังถือเป็น 1 ในโรงงานสำคัญที่กำลังการผลิตตามแผนอยู่ที่ราว 250,000 คัน/ปี
หากการพูดคุยระหว่าง KIA และ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI สำเร็จและมีการเซ็นต์ MOU เข้าร่วมโครงการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ในประเทศไทย เราอาจได้เห็นการเข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีอีกครั้ง และ KIA EV6 ถือได้ว่าจะผลผลิตรุ่นสำคัญที่มีแนวโน้มว่าจะถูกนำเข้ามาจำหน่ายในไทยเป็นรุ่นแรก
Kia EV6 รถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกของค่ายบริษัทสัญชาติเกาหลี ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นรถ EV ตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ใช่การนำเอารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปมาดัดแปลง ใช้ปรัชญาการออกแบบ Opposites United โดยทีมออกแบบจากศูนย์พัฒนาในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา
รายละเอียดมิติตัวถังภายนอกของ KIA EV6 มีดังนี้
- ความยาว : 4,680 มิลลิเมตร
- ความกว้าง : 1,880 มิลลิเมตร
- ความสูง : 1,550 มิลลิเมตร
- ความยาวฐานล้อ : 2,900 มิลลิเมตร
KIA EV6 ยังคงรักษาเอกลักษณ์กระจังหน้าแบบ Tiger Nose เอาไว้ เสริมด้วยดีไซน์ด้านหน้าแบบ Digital Tiger Face พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential ช่องลมกันชนหน้าช่วยเสริมมุมมองด้านหน้าให้ดูกว้างขึ้น ด้านข้างเส้นสายตัวถังแบบ Crossover ติดตั้งมือจับแบบฝังเรียบไปกับตัวถัง Auto Fush Door Handle ด้านหลังมีเสาหลังคา C-pillar ลาดลงตัดสีดำ Floating roof ปิดท้ายด้วยสปอยเลอร์หลังคา และไฟท้ายแบบยาวตลอดแนว
ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุรีไซเคิลตามจุดต่างๆ เทียบเท่ากับขวดน้ำพลาสติกจำนวน 111 ขวด หน้าจอแสดงผลเป็นแบบโค้ง Panoramic Curve Display ขนาด 12.3 x 2 นิ้ว มีกระจกด้านหน้ารวมกันเป็นจอเดียว ชุดเครื่องเสียงเป็นของ Meridian พร้อมลำโพง 14 จุด ด้านประโยชน์ใช้สอย มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลัง 520 ลิตร หากพับเบาะหลังลงจะเพิ่มเป็น 1,300 ลิตร ทั้งยังมีช่องเก็บด้านหน้าความจุ 20 ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 52 ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ
นอกจากนี้ รุ่น GT-Line ยังมาพร้อมกับการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่มีความสปอร์ตกว่ารุ่นปกติ เริ่มจากวัสดุตกแต่งแผงแดชบอร์ดลาย Geonic 3D Pattern รวมถึงเบาะนั่งที่หุ้มด้วยวัสดุผ้า Suede
KIA EV6 GT-Line เวอร์ชั่นเกาหลีใต้ มีรายละเอียดขุมพลังขับเคลื่อน 2 รูปแบบให้เลือก ดังต่อไปนี้
GT-Line Long Range 2WD
ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnet Motor 1 ตัว กำลังสูงสุด 229 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium Ion Polymer Battery (LIPO) ความจุ 77.4 kWh
- ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จอยู่ที่ 475 กิโลเมตร (WLTP) ล้อ 19 นิ้ว
GT-Line Long Range AWD
ขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnet Motor 2 ตัว กำลังรวมสูงสุด 325 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 605 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium Ion Polymer Battery (LIPO) ความจุ 77.4 kWh
- ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จอยู่ที่ 403 กิโลเมตร (WLTP) ล้อ 20 นิ้ว
ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ i-PADLE ซึ่งจะปรับระดับการหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อดึงพลังงานกลับสู่แบตเตอรี่สูงสุด ทำให้สามารถควบคุมการเร่งและการชะลอความเร็วรถได้ด้วยแป้นคันเร่งเพียงอย่างเดียว
ด้านการรชาร์จ รองรับการอัดประจุด้วยกำลังไฟ 400 และ 800 โวลต์ สามารถชาร์จไวสุดด้วย DC Fast Charge จากระดับแบตเตอรี่ 10 – 80% ได้ภายใน 18 นาที หรือสามารถชาร์จไฟนาน 4 นาทีครึ่ง เพื่อให้มีพลังงานขับขี่ไปได้อีก 100 กิโลเมตร ในรุ่น 2WD นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่นได้ รวมไปถึงจ่ายกำลังไฟออกนอกรถขนาด 3.6 kW ซึ่งมากพอที่จะเปิดใช้งานโทรทัศน์ ขนาด 55 นิ้ว พร้อมเครื่องปรับอากาศ ได้นานเกิน 24 ชั่วโมง
ระบบความปลอดภัยที่มีใน KIA EV6 เป็นแพ็คเกจ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ประกอบด้วย
- Safe Exit Assist (SEA) ระบบแจ้งเตือน เมื่อมีรถยนต์วิ่งเข้ามายังฝั่ง ที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ
- Lane Following Assist (LFA) ระบบรักษารถยนต์ให้อยู่กลางช่องจราจร
- Highway Driving Assist 2 (HDA 2) ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติบนทางหลวง
- Remote Smart Parking Assist (RSPA) ระบบสั่งการจาก remote ให้รถยนต์เข้าจอดหรือออก จากช่องจอดโดยอัตโนมัติ
รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามต่อได้ทาง www.Headlightmag.com