Toyota ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทเอกชนชั้นนำทั้งในและนอกสหราชอาณาจักร โดยใช้ศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ในโรงงานที่เมือง Derby ทางตอนเหนือของอังกฤษ ด้วยพลังของความร่วมมือครั้งนี้ ทำให้ Toyota สามารถผลิตรถกระบะ Hilux ต้นแบบขุมพลัง Hydrogen Fuel Cell ได้เป็นจำนวนมากถึง 10 คัน ภายในสิ้นปี 2023 นี้

หัวใจสำคัญของขุมพลัง Hydrogen Fuel Cell ได้หยิบยกมาจาก Mirai รถซีดานขุมพลังเดียวกันที่ผลิตวางจำหน่ายตั้งแต่ปี โดยเคลมว่าสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางสูงสุดกว่า 584 กิโลเมตร ซึ่งพอเพียงสำหรับการเดินทางส่วนใหญ่ถึงแม้ว่าจะน้อยกว่าพิสัยการเดินทางของรุ่นขุมพลังดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.8 ที่ให้ระยะทางสูงสุดกว่า 1,125 กิโลเมตร

 

สำหรับรายละเอียดในการดัดแปลงตัวรถ Toyota ได้ทำการติดตั้งชุด fuel cell ไว้บริเวณด้านหน้าแทนเครื่องยนต์ สำหรับแบตเตอรี่จัดติดตั้งไว้ที่บริเวณด้านท้าย ปิดท้ายด้วยถังเชื้อเพลิงที่วางไว้บริเวณกลางตัวถัง

ขั้นตอนต่อไปได้แก่ การนำรถทั้ง 10 คัน เข้าทดสอบตามมาตรฐานขอบคุณกระบะพิกัด 1 ตันของค่าย ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานและความทนทาน เพื่อให้สามารถรับทราบถึงข้อจำกัดของขุมพลัง fuel cell ได้อย่างแท้จริง ท่ามกลางสภาวะการใช้งานจริงตามแต่ละภูมิภาคที่เป็นตลาดหลักของ Hilux

 

หากย้อนไปเมื่อครั้งจุดเริ่มต้นของโปรเจคต์ศึกษารถกระบะขุมพลัง hydrogen fuel cell นี้ เริ่มต้นในช่วงต้นปี 2022 ก่อนที่ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2022 และใช้เวลาเพียง 1 ปี ในการผลิตรถต้นแบบคันจริงให้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา

 

เส้นทางการพัฒนารถกระบะขุมพลังทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ Toyota ที่ได้เปิดตัว Hilux Revo BEV Concept เมื่อเดือนธันวาคม 2022 โดยยังเป็นเพียงรถต้นแบบที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ แต่อย่างใด แต่ได้มีการให้ข้อมูลว่า Toyota ยังมีทางเลือกของขุมพลังรักษ์โลกมากกว่าเพียงแค่ขุมพลังไฟฟ้าล้วน เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral ซึ่งกำลังเป็นสิ่งที่ทำร่วมกันในบรรดาผู้ผลิตยานยนต์ทุกราย และยังเคยบอกใบ้ถึงความตั้งใจที่จะผลิตรถกระบะขุมพลัง hydrogen fuel cell ขนาดเล็กผ่านความร่วมมือระหว่างค่ายรถญี่ปุ่นด้วยกันเองทั้ง Isuzu และ Hino ที่ถึงแม้ว่า ณ ตอนนี้ จะยังไม่มีการอัพเดทข้อมูลในส่วนนี้แต่อย่างใด

ยิ่งไปกว่านั้น Toyota ยังเตรียมเปิดตัว Land Cruiser ขุมพลังไฟฟ้าล้วนในอนาคตอันใกล้ หากมีความเป็นไปได้มากพอ

ที่มา: Insideevs