BYD เตรียมรุกตลาดญี่ปุ่นอย่างเต็มกำลังด้วยการเปิดรับออเดอร์ของ Dolphin นับตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2023 เป็นต้นไป หลังจากปล่อยให้รุ่นพี่ตัวถัง SUV รุ่น ATTO 3 ทำตลาดไปก่อนหน้า โดยตั้งใจลงทุนวางรากฐานและโรงสร้างพื้นฐานสำหรับ EV lifestyle อย่างแท้จริง เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีข้อจำกัดในด้านการใช้งานรถ EV อยู่มาก ดังนั้นหาก BYD ต้องการที่จะเจาะตลาดนี้อย่างแท้จริง จึงต้องใช้ความพยายามอย่างสูง และนับว่าเป็นความกล้าหาญอย่างมาก เนื่องจากต้องลงสู้ศึกกับตลาดประเทศญี่ปุ่นที่มีความแข็งแกร่งของแบรนด์ท้องถิ่นอยู่มาก
สิ่งที่ BYD ต้องปรับให้เข้ากับการใช้งานรถ EV ในประเทศญี่ปุ่น ได้แก่หัวชาร์จแบบ CHAdeMO ที่ต้องทำให้รถของค่ายสามารถรองรับหัวชาร์จแบบนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากยังคงเป็นความนิยมหลักของประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันนี้ยังเตรียมเปิดตัวรถซีดานรุ่นพี่อย่าง Seal ที่ในประเทศไทยเองก็มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้เช่นเดียวกัน
BYD เลือกทำตลาด Dolphin จำนวน 2 รุ่น ย่อย ได้แก่ Standard Range และ Extended Range เช่นเดียวกับตลาดในประเทศไทย โดยจะใช้ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าตามรายละเอียดดังนี้
รุ่น Standard Range
ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 94 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน-เมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Blade CTB (Cell-to-body) ความจุ 44.9 kWh รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 7 kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 60 kW ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 400 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC)
รุ่น Extended Range
ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Blade CTB (Cell-to-body) ความจุ 58.56 kWh รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 7 kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 80 kW ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 476 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC)
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ของตัวรถค่อนข้างเหมือนกับเวอร์ชั่นไทย ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบภายนอกและภายใน โดดเด่นด้วยห้องโดยสารที่ใหญ่เกินตัว เนื่องจากระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร ที่สั้นกว่า ATTO 3 เพียง 20 มิลลิเมตร รวมไปถึงการมีจุดเด่นที่รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.2 เมตร
สำหรับทิศทางการทำตลาดของ BYD ในประเทศญี่ปุ่น จะมุ่งไปที่รถ BEV 100% ยังไม่มีแผนที่จะนำรถขุมพลัง Plug-in hybrid เข้ามา รวมไปถึงยังไม่มีการประกาศเป้าหมายยอดขายอย่างเป็นทางการ แต่หากพิจารณาจากยอดขายของ ATTO 3 ที่ขายไปได้ 700 คัน หลังจากเปิดตัว จึงนับว่าเป็นการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่กำลังทยอยเปิดตัวให้ครบจำนวน 100 แห่ง ทั่วญี่ปุ่น ภายในปี 2025 นี้
ที่มา: Carnewschina