หลังจากที่ Toyota Motor (Thailand) เปิดเกมรุกตลาดรถตู้หรูในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวพร้อมรับจอง Toyota Alphard และ Vellifre รุ่นใหม่ (40 Series) ตามติดตามญี่ปุ่นไปเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา ล่าสุด เตรียมเขย่ากระเป๋าสตางค์เหล่าบรรดาเศรษฐีไทยอีกระลอกด้วยการเปิดตัว All NEW Lexus LM 350h ในวันที่ 1 กันยายน 2023 ที่กำลังจะถึงนี้ ในฐานะ Premium MPV เวอร์ชั่นหรูขั้นสุดของ Alphard / Vellfire

 

 

Lexus LM ใหม่ ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (GA-K) เช่นเดียวกันกับ Alphard และ Vellifre รุ่นใหม่ โครงสร้างตัวถังใหม่มีการใช้โลหะทนแรงดึงสูง ผสานกับคานค้ำบริเวณโครงสร้างด้านหน้า (Straight rockers) และคานค้ำรูปทรงตัว V (V-shaped brace) ทำหน้าที่ยึดโครงสร้างบริเวณแกนกลางตัวรถและเสาหลังคา C-Pillar ทำให้การบิดตัวของโครงสร้างลดลงถึง 50% เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว

ขนาดตัวถังของ Lexus LM ใหม่ มีความยาวเพิ่มขึ้น 85 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 40 มิลลิเมตร และสูงขึ้นอีก 10 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว ดังตัวเลขขนาดและมิติตัวถัง ดังต่อไปนี้

  • ความยาว 5,125 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร
  • ความสูง 1,955 มิลลิเมตร
  • ความยาวฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร
         

 

การควักเงินในกระเป๋าจำนวนมากขึ้น  ประการแรกที่คุณจะได้คืองานออกแบบภายนอกที่แตกต่างจาก Aplhard และ Vellfire ดีไซน์ภายนอกของ Lexus LM ใหม่ ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามตามแบบฉบับของ MPV หรู แต่มีการเพิ่มเส้นสายที่คมชัดขึ้นเพื่อให้ทำเกิดความรู้สึกการเคลื่อนไหว ด้านหน้ามาพร้อมกระจังหน้า Spindle Grille สีเดียวกับตัวรถ ที่ถูกออกแบบให้ช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนและตัวถังโดยรอบเหลือน้อยที่สุด เป็นผสมผสานกันระหว่างประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ประสิทธิภาพการระบายความร้อน และดีไซน์ที่ปราดเปรียว

สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 3 สี ดังนี้

  • สีขาว Sonic Quartz
  • สีเงิน sonic Iridium
  • สีดำ Graphite Black Glass Flake
                 

 

ประการต่อมาคือภายในห้องโดยสาร Lexus LM ใหม่ มาพร้อมเบาะนั่ง Captain Seat 7 ตำแหน่งในรุ่นปกติ และเบาะนั่ง Executive Lounge 4 ตำแหน่ง ที่มาพร้อมฉากกั้นห้องโดยสารหน้า – หลัง ฝังด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 48 นิ้ว ทำงานควบคู่กับชุดเครื่องเสียง Mark Levinson พร้อมติดตั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger มาให้บริเวณด้านข้างตำแหน่งที่นั่ง

อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งมาให้อย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นหลังคากระจก 2 ตอน แยกซ้าย – ขวา คั่นกลางด้วยแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศแบบ Rear Climate Concierge ผสานการทำงานของทั้งเครื่องปรับอากาศ ตำแหน่งที่นั่ง ที่บังแดด และไฟส่องสว่าง ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมห้องโดยสารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้โดยสารสำหรับผู้โดยสารแต่ละคน สามารถใช้งานคำสั่งเสียง “Hey Lexus” เพื่อสั่งการฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น การเปิด – ปิดม่านบังแดดด้วยระบบไฟฟ้า

การตกแต่งภายในห้องโดยสาร มีให้เลือกทั้งโทนมืดและโทนสว่าง บริเวณหลังคาตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้เพิ่มความหรูหรา พร้อมไฟสร้างบรรยากาศที่มีให้เลือก 64 รูปแบบ (แบบสี 50 รูปแบบ และแบบธีม 15 รูปแบบ)

เป้าหมายหลักของทีมออกแบบภายในคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้ผู้โดยสารที่มีงานยุ่งเกิดความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ท่ามกลางความเร่งรีบและความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน บานประตูสไลด์ด้วยไฟฟ้ามีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการก้าวเข้า – ออก อีกทั้งยังมีการติดตั้งร่มเอาไว้บริเวณเสาหลังคา B-Pillar สำหรับใช้งานในช่วงฤดูฝนด้วย

 

ประการที่ 3 ระบบกันสะเทือน แม้ยังคงยืนหยัดกับรูปแบบเดิมคือ ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบอิสระ Multi-link ทว่าระบบรองรับถูกอัพเกรดเป็นแบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) ที่สามารถปรับความหนืดแปรปันตามความเร็ว ในโหมดการขับขี่แบบ “Rear Comfort” ช่วงล่างด้านหลังจะถูกปรับความหนืดของช็อกอัพให้นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อีกทั้งยังปรับการทำงานของแป้นคันเร่งให้ช้าลงเพื่อลดอาการกระโชกโฮกฮากด้วยเช่นกัน 

 

ขุมพลังขับเคลื่อนของ Lexus LM 350h เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร Hybrid แบบเดียวกันกับ Toyota Alphard / Vellfire 2.5 HEV มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

LM 350h

เครื่องยนต์รหัส A25A-FXS เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 87.5 x 103.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 14.1 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct-injection D4-S กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 236 นิวตันเมตร ที่ 4,300 – 4,500 รอบ/นาที ทำงานรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 182 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อคู่หลัง E-FOUR กำลังสูงสุด 54 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ทำงานในช่วงออกตัว ที่ความเร็วตำ่ และขณะเข้าโค้ง พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Nickel Metal-hydride รองรับนำ้มันเชื้อเพลิงสูงสุด Gasohol E10

กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบ 250 แรงม้า (PS) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ E-FOUR 

โหมดการขับขี่ มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่

  • Normal Mode
  • ECO Mode
  • EV Mode
 

 

ด้านระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ ติดตั้งมาให้ครบครัน ดังนี้

  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
    • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
    • ถุงลมนิรภัยด้านข้างเบาะนั่งคู่หน้า
    • ม่านถุงลมนิรภัย
  • ระบบป้องกันล้อล็อก Anti-lock Braking System (ABS)
  • ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Distribution (EBD)
  • ระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA)
  • ระบบควบคุมสเถียรภาพการทรงตัว Vehicle Stability Control (VSC)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control System (TRC)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Assist Control (HAC)
  • ระบบป้องการออกตัวฉุกเฉิน Drive Start Control (DSC)
  • แพ็คเจกความปลอดภัย Lexus Safety System +
    • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ Pre-collision System (PCS)
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ All-speed Dynamic Radar Cruise Control (All-speed DRCC)
    • ระบบลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้งด้วยระบบ All-speed DRCC
    • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Tracing Assist (LTA)
    • ระบบรักษารถให้อยู่ในเลนด้วยการหน่วงพวงมาลัย Lane Departure Assist (LDA)
    • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam  (AHB)
  • ระบบเตือนจุดอับสายตาด้านหน้า Blind Spot Monitoring (BSM)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะถอยหลัง Rear Cross-traffic Alert (RCTA)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะเปิดประตู Safe Exist Assist
  • จุดยึดเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX
  • เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR จุด พร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับเบาะนั่งทุกตำแหน่ง

ข้อมูลทั้งหมดและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Lexus LM 350h เวอร์ชั่นไทย สามารถติดตามต่อได้ทาง www.Headlightmag.com ในวันที่ 1 กันยายน 2023 ตั้งแต่เวลา 13.40 น. เป็นต้นไป