รถ Camper Van รุ่นล่าสุดจาก Volkswagen ที่เคยเผยให้เห็นรายละเอียดภายนอกผ่านทีเซอร์ไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวในนามรถต้นแบบที่พร้อมผลิตและจำหน่ายจริงในนาม T7 California Concept โดยเลือกใช้เวที 2023 Caravan Salon ที่เมือง Dusseldorf ประเทศเยอรมันบ้านเกิด ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า หากรถรุ่นเดียวกันนี้ไปวางจำหน่ายที่อเมริกาเหนือจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อ California camper van แทน
สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากรุ่นปัจจุบัน ได้แก่การติดตั้งประตูสไลด์เพิ่มทางฝั่งซ้ายของตัวรถ (รถพวงมาลัยซ้ายที่ปกติจะมีประตูสไลด์เพียงฝั่งขวาฝั่งเดียว เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดตั้งเคาเตอร์ครัวแบบตายตัวที่ฝั่งซ้าย) โดยในรถต้นแบบรุ่นใหม่นี้ ทางทีมออกแบบได้ทำการย้ายเตาแบบ induction ตู้เย็นขนาดย่อม ซิงค์ล้างจาน และลิ้นชักไปติดตั้งในตำแหน่งที่สามารถเหลือพื้นที่ทางเดินให้กับประตูสไลด์บานที่ 2 ได้
ด้วยเหตุนี้ การออกแบบให้ประตูสไลด์ฝั่งซ้ายที่เพิ่มเข้ามา เน้นประโยชน์ใช้สอยในยามถูกใช้งานเป็นรถ Camping ด้วยการทำงานร่วมกับผ้าใบหลังคาแบบเสาคู่ พร้อมใช้งานร่วมกับโต๊ะแบบพับเก็บได้ ขณะที่ประตูสไลด์ฝั่งขวาดั้งเดิมจะเน้นการใช้งานเข้า-ออกตามปกติในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการเหลือพื้นที่ไว้สำหรับติดตั้งเต็นท์ภายนอกตัวรถ โดยใช้เพียงเสาค้ำยันเพียง 1 เสา นอกจากนี้ยังมีระบบจ่ายไฟสำหรับอุปกรณ์ภายนอกแรงดันไฟ 230V
เมื่อเข้าสู่โหมดใช้งานการ Camping เบาะคู่หน้าสามารถหมุนได้ 180 องศาเพื่อหันเข้าหาเบาะแถวกลาง รวมไปถึงการเปลี่ยนให้เบาะแถวกลางและแถวหลังให้กลายเป็นเตียงนอนแบนราบได้ ยิ่งไปกว่านั้นเบาะนั่งภายในยังสามารถยกออกได้ หากต้องการเปลี่ยนพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระเพิ่มเติม และอีกหนึ่งฟังก์ชั่นของ Camper Van ที่ขาดไม่ได้ ได้แก่ หลังคาแบบผ้าใบที่สามารถยกเปิดได้ เพื่อเพิ่มความโปร่งโล่ง พร้อมด้วยระบบไฟส่องสว่างแบบ LED ที่สามารถควบคุมได้ผ่านแท็บเล็ตที่ติดตั้งภายในรถ ซึ่งสามารถใช้ควบคุมฟังก์ชั่นอื่นๆ ทั้งหมดได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมด้วยขายึดแบบหมุนได้ตามต้องการเพื่อประโยชน์ด้านความบันเทิงเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของรถตู้ตระกูล California ที่มาพร้อมขุมพลัง Plug-in hybrid แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและสรุปรายละเอียดอีกครั้ง โดยหากอ้างอิงจากรายละเอียดของรุ่น Multivan T7 eHybrid จะมาพร้อมขุมพลังเบนซิน 4 สูบ 1.4 ลิตร TSI ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในรูปแบบระบบ Full-hybrid ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า และสามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนเป็นระยะทางสูงสุด 48 กิโลเมตร
ทั้งหมดนี้จะพร้อมเข้าสู่สายพานการผลิตในปี 2024 เป็นอย่างน้อย ซึ่งคาดว่าจะมีขุมพลังเบนซินและดีเซลล้วนให้เลือกอยู่ในเจเนอเรชั่น หากมีข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมทาง Headlightmag จะนำมารายงานอีกครั้ง
ที่มา: Motor1