เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2023 Ford ได้เปิดตัว Mustang GTD โดยแนวคิดของการทำรถรุ่นนี้ออกมาให้แฟนๆได้จับจองในจำนวนจำกัด ในฐานะเวอร์ชั่นรถถนนของรถแข่ง GT3 ซึ่งเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและความสามารถที่เวอร์ชั่นรถแข่งมี และไม่สามารถมีได้ เนื่องด้วยคุณสมบัติบางประการอยู่นอกเหนือกฎข้อบังคับของรายการแข่งขัน โดยเฉพาะช่วงล่างแบบ Adaptive และชุดแอโร่พาร์ทแบบ adaptive ซึ่งโควต้าของการจับจองทั้งหมดนี้จะถูกคัดสรรโดยขั้นตอนการคัดเลือกจาก Ford เช่นเดียวกับ Ford GT
ตัวถังของ GTD เน้นการใช้งานวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนักตัวถัง โดยถูกนำมาใช้กับสเกิร์ตหน้า ฝากระโปรงหน้า ซุ้มล้อหน้า สเกิร์ตข้าง หลังคา ฝากระโปรงท้าย และแผ่นดิฟฟิวเซอร์ นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งบริเวณกันชนหน้าและหลังเป็นออฟชั่นเสริม และหากยังไม่พอใจ ยังติดตั้งแผ่นบังลมที่ถูกควบคุมด้วยระบบไฮดรอลิค เพื่อปรับให้กระแสลมเป็นไปตามที่ต้องการ รวมไปถึงแผ่นป้องกันใต้ท้องห้องเครื่องและสปอยเลอร์หลังแบบ Active ขณะที่สีตัวถังภายนอกมาพร้อมทางเลือกสีที่สามารถสั่งทำพิเศษเฉพาะคันได้
ขณะที่ภายในเลือกใช้วัสดุหนังกลับและคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งภายในห้องโดยสาร พร้อมด้วยเบาะนั่งจาก Recaro และแน่นอนว่าไม่มีการติดตั้งเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมนำวัสดุไทเทเนียมมาใช้ผลิตแป้น paddle shifter ปุ่มควบคุมแบบหมุน และแผ่นเพลทบ่งบอกความเป็นรถรุ่นพิเศษผ่านกระบวนการ 3-D printing
ขุมพลังที่ Ford เลือกใช้เป็นเครื่องยนต์รหัส Predator เบนซิน V8 ความจุ 5.2 ลิตร พ่วงซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 800 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 868 นิวตัน-เมตร เครื่องยนต์ตัวนี้เป็นที่สุดของตระกูล Ford Performance ส่งผลให้เป็น Mustang ที่ทรงพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถเร่งรอบได้สูงสุดถึง 7,500 รอบ/นาที พร้อมด้วยท่อไอเสียทำจากวัสดุไทเทเนียม ที่ติดตั้งวาล์วควบคุมไอเสียแบบ Active
ด้วยการติดตั้งชุดเกียร์ส่งกำลังแบบ transaxle ที่เพลาล้อคู่หลัง ทำให้การกระจายน้ำหนักหน้า-หลัง เป็นอัตราส่วน 50:50 อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาด้วยเพลาขับทำจากคาร์บอนไฟเบอร์
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวที่สามารถปรับแรงบิดขับเคลื่อนของเครื่องยนต์และสมรรถภาพการควบคุมตัวรถได้อย่างเหมาะสมผ่าน Track Mode
ช่วงล่างของ GTD ถูกออกแบบมาเพื่อลงสนามแข่งได้อย่างไม่อายใคร โดยติดตั้งช่วงล่างแบบ semi-active suspension ซึ่งสามารถปรับอัตราความแข็ง-อ่อน และความสูงได้อย่างเหมาะสม พร้อม Track mode ที่สามารถลดความสูงของตัวรถได้มากถึง 40 มิลลิเมตร ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายถูกแทนที่ด้วยช่วงล่างแบบ pushrod พร้อมระบบระบายความร้อนของชุดเกียร์เฟืองท้าย ทำให้กระจกที่บริเวณฝาท้ายต้องถูกเจาะรูระบายความร้อนเพื่อการนี้
ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกับล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 20 นิ้ว แบบ forged น้ำหนักเบา พร้อมออฟชั่น ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย forged ที่มีลาดลายตัว Y ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง GT3 เป็นออฟชั่นเสริม
Ford Mustang GTD จะถูกผลิตขึ้นในโรงงาน Flat Rock ขณะที่เครื่องยนต์ V8 ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ส่งตรงมาจากโรงงานผลิตเครื่องยนต์ Dearborn โดยจะมีขั้นตอนการลงสนามแข่ง Nürburgring ชื่อดังเพื่อจับเวลาต่อรอบสู้กับบรรดาคู่แข่งตัวฉกาจในอนาคตอันใกล้นี้ โดยตั้งเป้าเวลาต่อรอบไว้ที่ 7 นาทีลงไป เพื่อให้ขึ้นแท่นรถ Ford ที่สามารถวิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมายที่ทำเวลาต่อรอบในสนามแข่งได้น้อยที่สุด
ที่มา: Motor1