หลังการบ่าไหลเข้ามาปักหลักลงทุนของบิ๊กรถยนต์จีนและกลุ่มคลัสเตอร์กว่าแสนล้านบาทในช่วงที่ผ่านมาไม่นาน จนส่งให้ไทยกลายเป็นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน GAC Aion บริษัทในเครือ GAC Group (Guangzhou Automobile Group Co., Ltd.) เป็นอีกค่ายที่ถูกจับตา หลังจากเมื่อช่วงเดือน มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการทุ่มเงินลงทุนจำนวน 6,400 ล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม EEC จังหวัดระยอง เพื่อออกจำหน่ายทั้งในประเทศเทศ และตลาดอื่นๆ ในโซน ASEAN
นอกจากนี้ GAC Aion ยังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) อย่างเป็นทางการกับ บริษัท โกลด์ อินทิเกรท จำกัด (Gold Integrate) ซึ่งจะเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขายในประเทศไทยอีกด้วย
ล่าสุด ทีมงาน Headlightmag.com ได้บันทึกภาพรถยนต์ GAC Aion Y Plus, Aion S และ Aion S Plus ขณะทำการขนส่งในประเทศไทย โดยทั้ง 3 รุ่นนี้ เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดบ้านเกิดประเทศจีน และคาดว่าจะเป็น 3 รุ่นแรก ที่จะถูกนำเข้ามาประเดิมจำหน่ายในประเทศไทย ชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ที่กำลังเติบโตอย่างเนื่อง ภายในไตรมาส 3 ปี 2023 นี้
ข้อมูลตัวรถเบื้องต้นของ GAC Aion Y Plus และ Aion S / S Plus มีดังนี้
GAC Aion Y Plus
GAC Aion Y Plus เป็นรถยนต์ Compact Crossover 5 ที่นั่ง สร้างขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรร GAC GEP 2.0 platform ติดตั้งขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% มาพร้อมทางเลือกรุ่นย่อย 3 รุ่นหลัก แบ่งตามระยะทางการวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็ม เปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2021
ขนาดและมิติตัวถัง
Dimension
- ความยาว 4,535 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,870 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,650 มิลลิเมตร
- ความยาวฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร
ขุมพลังขับเคลื่อน
Powertrain
มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่
Standard Range
ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent-magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 176 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion phosphate ความจุ 51.9 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 400 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
Standard Range Plus
ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent-magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion phosphate ความจุ 61.7 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 480 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
Long Range
ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent-magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Ternary Lithium ความจุ 69.9 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 580 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
GAC Aion S / S Plus
GAC Aion S เป็นรถยนต์ Compact Sedan 4 ประตู ขุมพลังไฟฟ้า 100% เผยโฉมครั้งแรกในโลกตั้งแต่ปี 2018 ขณะที่ Aion S Plus เป็นรุ่นย่อยใหม่ที่ได้รับการปรับดีไซน์ภายนอกให้ทันยุคทันสมัยขึ้น พร้อมอัพเกรดขุมพลังขับเคลื่อนให้ทรงพลังขึ้นและวิ่งได้ไกลขึ้น
ขนาดและมิติตัวถัง
Dimension
Aion S
- ความยาว 4,768 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,880 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,530 มิลลิเมตร
- ความยาวฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร
Aion S Plus
- ความยาว 4,810 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,880 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,515 มิลลิเมตร
- ความยาวฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร
ขุมพลังขับเคลื่อน
Powertrain
Aion S
ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent-magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Ternary Lithium-ion ความจุ 58.8 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 510 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
ในขณะที่ Aion S Plus มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่
Standard Range
ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent-magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 176 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion phosphate ความจุ 50.6 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 410 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
Standard Range Plus
ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent-magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Ternary Lithium-ion ความจุ 58.8 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 480 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
Long Range
ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent-magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 221 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Ternary Lithium-ion ความจุ 69.9 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 602 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ คาดว่าเราจะได้เห็นการเปิดตัวแบรนด์ GAC Aion พร้อมการจัดแสดงรถยนต์รุ่นสำคัญที่เตรียมเข้ามาบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศไทย ความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำตลาดของ GAC Aion ในประเทศไทย สามารถติดตามต่อได้ทาง www.Headlightmag.com