หลังจากที่ 2 ยักษ์ใหญ่จากคนละซีกโลกอย่าง Stellantis และ Samsung ร่วมกันลงทุนเพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งแรก ณ เมือง Kokomo รัฐ Indianna ในสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมีนาคม 2023 ขณะที่โรงงานแห่งนี้ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ทว่า ความร่วมมือยังขยายต่อมายังโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งที่สอง ที่ยังไม่มีการระบุตำแหน่งที่แน่ชัด รวมไปถึงกำหนดการของการเดินสายพานการผลิตแบตเตอรี่ของทั้งสองโรงงานอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ระบุว่า จะเกิดขึ้นเป็นอย่างเร็วในปี 2027
ทั้งสองบริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ StarPlus Energy ที่เกิดขึ้นภายใต้เม็ดเงินลงทุนกว่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่ประกาศอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 ซึ่งกำลังการผลิตของโรงงานแห่งแรกได้ถูกตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 33 GWh ขณะที่โรงงานแห่งที่ 2 ตั้งเป้าการผลิตแบตเตอรี่ไว้มากกว่าเล็กน้อยที่ 34 GWh
สำหรับรายละเอียดเชิงลึกของโรงงานแห่งที่ 2 นี้ ยังต้องรอทั้ง 2 ยักษ์ เผยให้ทราบในภายหลัง โดยคาดว่าจะยังสามารถปรับแผนการผลิตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีต่างๆเติบโตแบบก้าวกระโดด
Stellantis นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่กำลังลงทุนอย่างเอาจริงเอาจังกับสายพานการผลิต โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วน และแน่นอนว่าแบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การควบคุมต้นทุนของรถ EV มีความเหมาะสมและมีความสามารถในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยเฉพาะการได้สิทธิพิเศษทางภาษี หากมีการลงทุนในสหรัฐอเมริกาตามนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งทางค่ายเล็งเห็นเป้าหมายของการมุ่งสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030 เป็นสำคัญ และเมื่อถึงเวลานั้น ได้คาดการณ์ว่า ยอดขายของรถยนต์ทั้งหมดในอเมริกาเหนือจากทางค่าย Stellantis จะแบ่งเป็นรถ EV เป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน ยอดขายของรถยนต์ในทวีปยุโรปจะล้วนแล้วแต่เป็นรถ EV 100% เมื่อถึงเวลานั้น กำลังการผลิตของแบตเตอรี่ที่จะเพียงพอต่อปริมาณรถยนต์ในตลาดทั่วโลกจะต้องอยู่ในระดับ 400 GWh
ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากทางค่ายไม่มีการวางแผนรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่อีกจำนวนกว่า 25 รุ่น ภายในปี 2030 นี้ ทั้งนี้ Stellantis ยังมีแผนรองรับความเสี่ยง ด้วยการร่วมทุนกับ LG เพื่อการวร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในระดับ 45 GWh ที่คาดว่าจะเริ่มเดินสายพานการผลิตได้ตั้งแต่ต้นปี 2024
ที่มา: Motor1