Stellantis และบริษัทผลิตแบตเตอรี่ Saft สัญชาติฝรั่งเศส พร้อมกับศูนย์วิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศส ได้เข้าร่วมโครงการวิจัยชุดแปลงกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในรถ EV ให้มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา โดยจะประกอบไปด้วยหน่วย On-board charger และ Inverter ซึ่งจะมีขนาดกินพื้นที่ตัวรถพอสมควร และจะอยู่แยกชิ้นกันกับแบตเตอรี่และชุดมอเตอร์ ทั้ง 2 ชิ้นส่วนนับว่ามีความสำคัญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีใช้ในรถ EV ทุกคัน อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยืนยันว่า ได้ทำการพัฒนาให้ทั้ง 2 ชิ้นส่วน มีขนาดเล็กลงและสามารถติดตั้งโดยไม่ใช้พื้นที่เหมือนกันรูปแบบปกติ
หากเท้าความถึงหน้าที่การทำงานของทั้ง 2 ชิ้นส่วน จะพบว่า On-board charger จะทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าสลับ AC ให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง DC เพื่อทำการประจุไฟให้กับแบตเตอรี่ ในทางกลับกัน Inverter จะทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าตรง DC จากแบตเตอรี่ ให้เป็นกระแสฟ้าสลับ AC เพื่อให้มอเตอร์สามารถขับเคลื่อนได้ ซึ่งทั้ง 2 ชิ้นส่วนนี้ จะถูกติดตั้งแยกออกมาจากแบตเตอรี่ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า หรือแยกส่วนกับแบตเตอรี่ที่ด้านท้ายรถ
เทคโนโลยีนี้ได้ถูกทดสอบผ่านรถต้นแบบที่เริ่มวิ่งตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2022 ซึ่งได้ทำการติดตั้ง On-board charger และ Inverter ขนาดเล็ก ที่ถูกยุบรวมเป็นหน่วยเดียววางอยู่ข้างๆแพ็คแบตเตอรี่ เพื่อทำหน้าที่ในการแปลงกระแสไฟฟ้าได้ทั้ง 2 ทาง สิ่งที่ได้คืนกลับมา ได้แก่พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ห้องโดยสารที่มากกว่า อีกทั้งยังช่วยลดน้ำหนักตัวรถ ซึ่งรถ EV เองต้องเจอปัญหานี้กันอยู่ถ้วนหน้า
Stellantis ยังได้ทำการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบทั้งหมด รวมไปถึงการบริหารต้นทุน ซึ่งการลดจำนวนชิ้นส่วนย่อมทำให้ต้นทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และอาจทำให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ จะพร้อมนำไปติดตั้งในรถยนต์เวอร์ชั่นจำหน่ายจริง ตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไป
ที่มา: Autoblog