Mercedes-Benz เปิดตัว E-Class รหัสตัวถัง W214 เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีภาพหลุดเวอร์ชั่น Estate รหัสตัวถัง S214 พรางตัวในฐานะรถทดสอบจากสนามแข่ง Nürburgring ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน แต่แล้วเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2023 ทาง Mercedes-Benz ก็ได้เปิดตัวตัวถัง Estate อย่างเป็นทางการ ด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวกว่าทุกรุ่นก่อนหน้า แต่ยังคงรูปแบบหลังคาลาดยาวเช่นเดิม โดยได้ปรับความชันของกระจกบังลมหลังให้มีความสปอร์ตขึ้นอีกเล็กน้อย ทั้งหมดนี้ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd.) เพียง 0.26

 

งานออกแบบด้านหน้ายังคงใช้ร่วมกับตัวถังซีดาน รวมไปถึงแนวเสา A แต่ทว่าตั้งแต่ชิ้นส่วนหลังคาไปจรดกับฝากระโปรงท้ายได้ถูกออกแบบใหม่หมดจด และยังได้ขยายขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าทุกมิติ เพื่อเพิ่มพื้นที่โดยสารและห้องเก็บสัมภาระมากยิ่งขึ้น โดยได้ตัดออกชั่นเบาะเสริมแถว 3 หรือ Dog seat ออกไป ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระมีให้อย่างจุใจมากถึง 615 ลิตร และหากพับเบาะแถวหลังทั้งหมด นอกเหนือไปจากฟังก์ชั่นพับได้แยกเป็นอัตราส่วน 40/20/40 แล้ว จะได้พื้นที่เก็บสัมภาระมากถึง 1,830 ลิตร แต่หากมีการติดตั้งขุมพลัง Plug-in hybrid จะทำให้ความจุห้องเก็บสัมภาระน้อยลงเหลือ 460 / 1,785 ลิตร ตามการพับเบาะ เนื่องจากมีการสงวนพื้นที่ให้กับแบตเตอรี่ลูกใหญ่ขึ้น

 

ขนาดและมิติตัวถัง

  • ความยาว : 4,949 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง : 1,880 มิลลิเมตร
  • ความสูง : 1,469 มิลลิเมตร
  • ฐานล้อ : 2,961 มิลลิเมตร
  • พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 615 ลิตร

 

ภายในยังคงยกมาจากเวอร์ชั่นซีดานไม่ผิดเพี้ยน ทั้งหน้าจอแสดงผลแบบแยกส่วน ทั้งหน้าจอชุดมาตรวัด หน้าจอกลาง และหน้าจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ทำงานร่วมกับจอ Hyperscreen และกล้องภายในตัวรถ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นอย่าง TicTok Zoom meeting Vivaldi สำหรับการท่องเว็บ หรือแม้กระทั่งเกมส์ Angry Birds รวมไปถึง ZYNC สำหรับการ Streaming ความบันเทิงต่างๆ ผ่านจอฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการนำ AI เพื่อเข้ามาเรียนรู้และปรับฟังก์ชั่นต่างๆ ของตัวรถให้เข้ากับพฤติกรรมและรสนิยมของผู้ขับขี่ หรือหากผู้ขับขี่ต้องการที่จะโปรแกรมสั่งงานให้ตัวรถปรับนิสัยตามต้องการก็ย่อมทำได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะครอบคลุมตั้งแต่ระบบปรับอากาศ ระบบขับเคลื่อน ระบบความบันเทิง ระบบแสงสว่าง เป็นต้น

พิเศษสำหรับรุ่น Estate จะมาพร้อมช่วงล่างแบบ Air suspension เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมออฟชั่นช่วงล่างแบบพิเศษ Airmatic ให้เลือกด้วยการเพิ่มเงิน

 

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

E 200

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,999 ซีซี. เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,000 รอบ/นาที พ่วงระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 48V EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง

  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.8 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 231 กม./ชม.

E 220d

เครื่องยนต์ดีเซลรหัส OM 654 M 4 สูบ 16 วาล์ว Diesel Commonrail Turbocharged Intercooler ขนาด 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 94.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบ/นาที พ่วงระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 48V EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง

  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.9 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.

 

E 300e Plug-in Hybrid

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,999 ซีซี. เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำงานผ่านแบตเตอรี่ความจุ 25.4 kWh ทำให้สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ถึง 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน (WLTP)

  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.5 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม.

 

ระบบบังคับเลี้ยว

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า Electric Power Steering อีกทั้งยังติดตั้งระบบเลี้ยว 4 ล้อ ซึ่งล้อหลังจะสามารถเลี้ยวได้ถึง 2.5 องศา ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในช่วงความเร็วต่ำ ตลอดจนเพิ่มสเถียรภาพการทรงตัวในย่านความเร็วสูง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ระบบกันสะเทือน

ระบบกันสะเทือนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นแบบ Double Wishbone พร้อมเหล็กกันโคลงและคอยล์สปริงน้ำหนักเบา ปีกนกเป็นวัสดุอลูมิเนียม

ระบบห้ามล้อ

  • ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
  • จานเบรกคู่หน้าเป็นแบบมีครีบระบายความร้อน
  • จานเบรกคู่หลังเป็นแบบธรรมดา

เสริมการทำงานด้วยระบบป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking System ระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist ระบบช่วยการทรงตัว ESP (Electronic Stability Program) และเบรกมือไฟฟ้า

หากมีข้อมูลอัพเดทเวอร์ชั่นจำหน่ายในประเทศไทย รวมไปถึงเวอร์ชั่น All-Terrain ที่ยกสูงขึ้นพร้อมลุยได้นิดหน่อยสำหรับชาวยุโรปและอเมริกาเหนือ ทาง Headlightmag จะนำมารายงานให้ทราบอีกครั้ง

ที่มา: Mercedes-Benz