เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2023 Land Rover อัพเดทออฟชั่นและเทคโนโลยีให้กับ Discovery Sport ในรูปแบบ Model Year 2024 หลังจากปรับโฉมภายนอกไปแล้วก่อนหน้าเมื่อ โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเน้นไปที่ภายในเป็นหลัก เริ่มด้วยคอนโซลกลางดีไซน์ใหม่ และอัพเกรดเทคโนโลยีต่างๆ ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ภายนอกมาพร้อมสีตัวถังใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงิน Varesine Blue พร้อมทางเลือก สีดำ joining Santorini Black สีแดง Firenze Red สีเทา Eiger Grey สีเงิน Hakuba Silver และสีขาว Ostuni Pearl White พร้อมด้วยสีพรีเมียมอื่นๆ ให้เลือกตามกำลังทรัพย์ เช่น สีเทา Carpathian Grey และ สีเงิน Silicon Silver พร้อมล้ออัลลอยขนาดตั้งแต่ 19-21 นิ้ว
ไฮไลท์อยู่ที่จอกลางขนาด 11.4 นิ้วที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Pivi Pro เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึง Amazon Alexa รวมไปถึงหัวเกียร์รูปทรงใหม่ และมีการยุบรวมหน้าจอควบคุมระบบปรับอากาศ และใช้การสั่งงานด้วยเสียงแทน เพื่อให้มีพื้นที่เก็บของมากยิ่งขึ้น โดยมีอุปกรณ์พื้นฐานอย่าง ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายและพวงมาลัยที่มาพร้อมปุ่มควบคุมแบบระบบสัมผัสและแป้นเกียร์ Paddle shift
เบาะนั่งภายในจัดรูปแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง หรือ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยแถวกลางยังสามารถแบ่งพับได้ตามการใช้งานในอัตราส่วน 40:20:40 และออฟชั่นแถวหลังยังคงมีให้เลือกไม่หายไปไหน แม้จะใช้งานได้เพียงรูปแบบเบาะเสริมก็ตาม และหากพับเบาะทั้งหมด ยังได้ห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ถึง 1,794 ลิตร
ขุมพลังรุ่น 1.5 Plug-in Hybrid จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ แถวเรียง ขนาด 1.5 ลิตร 1,497 ซีซี. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 300 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive เสียบปลั๊กชาร์จไฟ Plug-in Hybrid
และขุมพลังรุ่น 2.0 Mild-hybrid จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. Twin-scroll Turbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.30 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 กำลังสูงสุด 249 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 365 นิวตัน-เมตร ที่ 1,300 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 48V mild-hybrid (Synchronous Reluctance Motor) เพื่อช่วยในการออกตัว แบตเตอรี่ 46.2 V Lithium-ion
ที่มา: Motor1