Rolls-Royce ภายใต้การควบคุมของ BMW Group ได้เปิดอัครยานยนต์สุดหรูขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่น Spectre และเพิ่งจะได้นำรถคันจริงมาโชว์ตัวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2023 ที่งาน Villa d’Este ประเทศอิตาลี ก่อนที่จะเข้าสู่สายพานการผลิตในเดือนกันยายน 2023 นี้ ที่จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุใหญ่ที่สุดเท่าที่รถ EV ที่วางจำหน่ายเคยมีมาด้วยความจุ 120 kWh พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดกว่า 480 กิโลเมตร และสามารถชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC กำลังไฟสูงสุด 195 kW

 

ทั้งนี้ Torsten Müller-Ötvös ทาง CEO ของค่าย ได้กล่าวรายละเอียดเพิ่มเติมในงานเปิดตัวของ Spectre ที่อิตาลีว่า ทางค่ายกำลังศึกษาแนวทางการนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปเชื้อเพลิงไฮโดรเจนมาใช้เป็นทางเลือกนอกเหนือไปจากรถ EV ที่ต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่ขนาดใหญ่นี้ โดยใช้เทคโนโลยีร่วมกันจาก JCB และ Toyota เพื่อให้เครื่องยนต์ V12 อันเลื่องชื่อ สามารถมีอายุทางการตลาดต่อไปและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่หมดจด เนื่องจากทาง BMW ก็เคยนำเสนอ 7-series hydrogen มาตั้งแต่ปี 2005

Torsten Müller-Ötvös CEO

อย่างไรก็ตาม การนำเชื้อเพลิงไฮโดรเจนมาใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในไม่ใช่ทางออกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด หากเทียบกับขุมพลัง Hydrogen fuel cell เพียงแต่ความเหมาะสมของการนำมาใช้งานในปัจจุบันของ Fuel cell นั้นทำให้ตัวรถที่มีขนาดใหญ่ต้องแบกรับน้ำหนักจำนวนมากไม่แพ้ขุมพลังรถ EV แบตเตอรี่ล้วน แต่ก็นับเป็นทางเลือกที่ทาง Rolls-Royce ยังไม่ตัดออกจากแผนการผลิต หากเทคโนโลยี Hydrogen fuel cell มีศักยภาพมากพอ

นอกจากนี้ Müller-Ötvös ยังอ้างถึง BMW iX5 Hydrogenที่กำลังเข้าสู่สายพานการผลิตอย่างจริงจังในจำนวนจำกัด ซึ่งทาง BMW เลือกใช้เทคโนโลยี Hydrogen fuel cell ที่คิดค้นและผลิตมาจาก Toyota ซึ่งเป็นเบอร์ต้นของวงการนี้ และเดินทางผลักดันทั้งการใช้งานเชิงพาณิชย์และการนำไปใช้กับระบบขนส่งรูปแบบต่างๆ เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีที่หลากหลายอุตสาหกรรมกำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะระบบขนส่งทางราง

BMW iX5 Hydrogen

แน่นอนว่า Rolls-Royce เป็นรถยนต์ที่ขายเทคโนโลยีมาโดยตลอดและมีรูปแบบการใช้งานที่เฉพาะ การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าคนสำคัญเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องคำนึงถึงในอันดับแรก เทคโนโลยีเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเองก็มีข้อเสียเรื่องการเติมเชื้อเพลิงที่ต้องใช้สถานีเกิดใหม่ ไม่ใช่สามารถชาร์จไฟได้เหมือนรถ EV ในปัจจุบัน Rolls-Royce จึงต้องจับตาการพัฒนาสถานีชาร์จและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างไทม์ไลน์ที่เหมาะสมของขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปเชื้อเพลิงไฮโดรเจน นี้

ที่มา: Autocar