หลังจาก Ford เปิดตัวเวอร์ชั่นร้อนแรง Mustang GTเมื่อปลายปี 2022 พร้อมราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ เหรียญสหรัฐฯ ทางสำนักแต่งของอเมริกาเหนือ พร้อมด้วยเวอร์ชั่นทรงพลังกว่าอย่าง Mustang Dark Horse ขุมพลัง 5.0 ลิตร 500 แรงม้า V8 ที่แรงสุดเท่าที่เคยมีมา แต่ทว่ายังมำนักแต่งท้องถิ่นที่เพิ่มทางเลือกให้กับผู้เป็นเจ้าของ Mustang GT เวอร์ชั่นปกติ แต่ถวิลหาความแรงในระดับที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อครอบครอง Dark Horse




ปัจจัยสำคัญที่สำนักแต่งแดนมะกันต่างพากันออกของแต่งสำหรับรถ Pony car ยอดนิยมตลอดกาลอย่าง Mustang ก็คือ กลุ่มลูกค้าที่จะซื้อรถกลุ่มนี้ มักจะมองหาความแตกต่างด้วยการเพิ่มเติมชุดแต่งภายนอก รวมไปถึงการติดตั้งของแต่งที่เพิ่มเติมสมรรถนะให้ทะลุขีดจำกัดเดิม รวมไปถึงการอัพเกรดช่วงล่างระบบเบรก
ด้วยเหตุนี้สำนักแต่ง RTR จึงได้รีบเปิดตัวแพ็คเกจของแต่งก่อนที่รถ Mustang รุ่นใหม่ล่าสุดจะเริ่มส่งมอบในช่วงเดือนสิงหาคม 2023 นี้ เพื่อให้ทันต่อความต้องการ และมีทางเลือกอย่างครบครันให้กับลูกค้าทุกประเภท โดยแบ่งออกเป็น Spec 1 และ Spec 2



ซึ่งหากใครต้องการการปรับแต่งแบบครบครัน ต้องเลือกไปที่ Spec 2 ซึ่งจัดเต็มตั้งแต่ภาพลักษณ์ภายนอก สมมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่างและระบบเบรก ขณะที่ Spec 2 จะเหมาะสำหรับผู้ที่มองหาความแตกต่างเฉพาะภายนอก
สำหรับการเปลี่ยนแปลงภายนอกจะเริ่มที่ กระจังหน้าที่ตกแต่งด้วยไฟ LED บริเวณด้านบน พร้อมกับการออกแบบให้การระบายความร้อนดียิ่งขึ้น ซึ่งทำงานร่วมกับช่องดักลมบริเวณฝากระโปรง พร้อมเสริมด้วยครีบรีดอากาศและสเกิร์ตรอบคัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสติ๊กเกอร์ชายด้านล่างประตู ขณะที่กันชนท้ายติดตั้งดิฟฟิวเซอร์และปลายท่อคู่ รวมไปถึงตราสัญลักษณ์ RR สีดำรอบคัน ปิดท้ายด้วยสปอยเลอร์หลังขนาดพอเหมาะ





ในส่วนของล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลาย Aero 5 รัดด้วยยาง Nitto NT555 G2 ที่ทำงานร่วมกับช่วงล่างชุดใหม่ที่ทำให้ตัวรถเตี้ยลงจัดทรงพอเหมาะ นอกจากนี้ยังมีกันโคลงหน้าและหลังขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับโช้คอัพแบบปรับระดับความแข็งอ่อนได้ตามความเหมาะสม
ขณะที่ภายในรถมีการเปลี่ยนหัวเกียร์และการเพิ่มความแตกต่างบริเวณคอนโซลหน้า พร้อมเพลท RTR บริเวณฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมพรมปูพื้นจาก RTR
สำหรับสมรรถนะความแรงอัพเกรดได้ด้วยชุดท่อไอเสียไปจนกระทั่งชุดซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ที่สามารถเพิ่มแรงม้าได้ตั้งแต่ 6 ถึง 270 แรงม้า บนพื้นฐานเครื่อยนต์เบนซิน V8 ความจุ 5.0 ลิตร ตระกูล Coyote
ที่มา: Motor1