หลังจากปล่อย Teaser Mini Cooper เต็มคัน ซึ่งมาพร้อมเส้นสายเฉียบคมกว่าที่เคย พร้อมลดทอนความน่ารัก เพิ่มเติมความทันสมัยเข้าไปพอสมควร รวมถึงขยายขนาดตัวถังให้ใหญ่ขึ้นทุกมิติ จนกระทั่งถึงคิวของพี่ชายมาดแมนสมชื่ออย่าง Countryman เจเนอเรชั่นใหม่ ที่สร้างขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน BMW UKL2 platform ร่วมกับ BMW iX1 และ X1
Countryman มาพร้อมงานออกแบบด้านหน้าที่โดดเด่นด้วยกระจังทรงเหลี่ยมเช่นเดียวกับ Cooper รุ่นล่าสุด แต่มีความแตกต่างด้วยไฟหน้าทรงเหลี่ยมที่เน้นความบึกบึนมากกว่า พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุสีทองอ่อนๆ เสริมความดุดัน โดยในภาพแอบถ่ายจะเป็นรถรุ่น S ที่มาพร้อมโลโก้ตัวอักษรสีเขียวบนกระจังหน้า นั่นหมายถึงมีการติดตั้งแบตเตอรี่และสามารถชาร์จไฟแบบ Plug-in ได้
ด้านข้างเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรด้วยเส้นสายบริเวณกระจกบังลมหลังโดยเฉพาะเสา C ขนาดใหญ่ที่มีการเพิ่มเติมวัสดุตกแต่งให้เสริมภาพลักษณ์ตัวลุยมากยิ่งขึ้น พร้อมกับชายตัวถังด้านล่างสีทองอ่อน ที่เข้าชุดกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ลายมินิมอลตามสมัยนิยม ปิดท้ายด้วยมือเปิดประตูแบบเรียบเนียนกับตัวถังแบบดึงเปิดเช่นเดียวกับ Cooper รุ่นใหม่
ด้านท้ายมาพร้อมกับไฟแนวตั้งขนาดเล็กติดตั้งอยู่ขนาบข้างกองซุ้มล้อคู่หลัง โดยปล่อยให้ฝากระโปรงท้ายเปลือยโล่งและเรียบง่ายมากกว่ารุ่นปัจจุบัน เสริมความมินิมอลมากยิ่งขึ้น พร้อมกันชนหลังตกแต่งด้วยวัสดุสีดำและชายด้านล่างดิฟฟิวเซอร์สีทองอ่อน
The Countryman E เวอร์ชั่นขุมพลังไฟฟ้าล้วนจะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลังสูงสุด 188 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุ 64.7 kWh โดยสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางสูงสุดกว่า 448 กิโลเมตร ภายใต้มาตรฐาน WLTP ขณะที่รุ่น Countryman SE All4 จะหันไปใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์คู่ ให้กำลังสูงสุด 308 แรงม้า และแน่นอนว่าจะมีเวอร์ชั่นสมรรถนะสูง หรือรุ่น John Cooper Works ให้เลือกตามแบบฉบับ Mini
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในให้เลือกสำหรับบางตลาด ในภาพแอบถ่ายชุดก่อนหน้ายังคงจับภาพของชิ้นส่วนของปลายท่อไอเสีย โดนคาดว่าจะเป็นขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร หรือ 4 สูบ 2.0 ลิตร พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้า แรงดันไฟ 48V ในรูปแบบ mild-hybrid
Mini ยังคงอุบกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Countryman ไว้ในขณะนี้เนื่องจากภาพถ่ายชุดนี้เป็นเพียงภาพถ่ายขณะการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาในช่วงระยะเวลาที่ตัวรถยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และยังไม่ได้เข้าสู่สายพานการผลิต แต่มีการคาดการณ์จากสื่อต้นทาง อาจเป็นไปได้ว่า กำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2023 นี้
ที่มา: Insideevs