BYD แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ หลังจากกวาดยอดขายทั้งในประเทศจีนและตลาดโลกบางภูมิภาคจนขึ้นแท่นผู้ผลิตรถ EV และ PHEV เบอร์ต้นของวงการ จึงได้ฤกษ์เปิดตัวรถ Sedan พิกัด B-Segment รุ่น Qin Plus EV ขุมพลังไฟฟ้าล้วน รุ่นปรับโฉมใหม่โดยในช่วงก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นรถซีดานยอดนิยมอีก 1 รุ่น ด้วยยอดขายสะสมตลอดปี 2022 กว่า 315,282 คัน

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นรถในกลุ่ม B-Segment แต่ทว่า Qin Plus EV กลับมีขนาดตัวถังใหญ่โตโอ่อ่ากว่าคู่แข่งอยู่มาก และยังมาพร้อมหน้าตาที่ทันสมัยกว่ารุ่นขุมพลัง PHEV อีกด้วย โดยกันมาใช้กระจังหน้าแบบทึบ เช่นเดียวกับ BYD ATTO 3 และยังหันมาใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน e-platform 3.0

มิติตัวถัง:

  • ความยาว : 4,765 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง : 1,837 มิลลิเมตร
  • ความสูง : 1,515 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,718 มิลลิเมตร

ด้านอุปกรณ์พื้นฐาน ก็ติดตั้งมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น จอมาตรวัดขนาด 8.8 นิ้ว กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ความละเอียดระดับ HD แต่ทว่า ยังคงใช้งานออกแบบคอนโซลหน้าร่วมกับรุ่น PHEV จึงทำให้ดูล้าสมัยไปบ้างเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีจอกลางที่สามารถหมุนได้ทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้งตามแบบฉบับ BYD รุ่นอื่นๆ

 

สำหรับขุมพลังของ Qin Plus EV จะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 420 Leading 510 Leading และ 610 Outstanding

โดยรุ่น 420 Leading และ 510 Leading จะใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนแบบเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน-เมตร เท่ากัน แต่ติดตั้งแบตเตอรี่ต่างขนาด ทำให้ทั้ง 2 รุ่น วิ่งได้ระยะทางสูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จ ที่ 420 และ 510 กิโลเมตร ตามลำดับ ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 5.5 วินาที

ขณะที่รุ่น 610 Outstanding มาพร้อมกับมอเตอร์พลังสูงกว่าที่ 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 610 กิโลเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 3.8 วินาที

โดยสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่แบบ LFP blade จาก 30%-80% ด้วยไฟ DC ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที

 

BYD Qin Plus EV มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 129,800 – 176,800 หยวน หรือ 656,000 – 880,000 บาท โดยจะเข้ามาเสริมทัพ Qin Plus DM-i PHEV รุ่นล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวไปก่อนหน้าในเดือนกุมภาพันธ์และได้รับการตอบรับที่ดีผ่านยอดจองกว่า 32,000 คัน ภายในเวลา 1 สัปดาห์ ตอกย้ำความเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญของค่าย ที่มีส่วนแบ่งยอดขายกว่า 20% และจะส่งเสริมให้ BYD บรรลุเป้ายอดขายรวมตลอดปี 2023 ที่ 3 ล้านคัน

ที่มา: Carnewschina