BYD e2 ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2019 เพื่อเป็นรถยนต์สำหรับการโดยสาธารนะ โดยไม่เน้นความไฮโซและออฟชั่นที่ทันสมัยเท่าไรนัก แต่จะเน้นพื้นที่ภายในห้องโดยสารและราคาจำหน่ายที่เป็นมิตรกับผู้ประกอบการ ซึ่งวางตำแหน่งไว้แทรกกลางระหว่าง Dolphin และ Seagull

โดยมียอดขายตลอดปี 2020 อยู่ที่ 19,616 คัน โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 34,265 คัน ตลอดปี 2021 จนกระทั่งหยุดการผลิตในปี 2022 และปิดยอดขายไว้ที่ 17,935 คัน เพื่อเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานงานวิศวกรรมใหม่หมดจดอย่าง e-platform 3.0

การเปิดตัวรุ่นใหม่นี้ ได้รับงานออกแบบมาจากรถตระกูล Ocean series จึงทำให้งานออกแบบมีความทันสมัยขึ้นมากกว่ารุ่นเดิม โดยเฉพาะกันชนหน้ารูปทรงตัว X พร้อมกระจังหน้าแบบปิดตามสมัยนิยมโดยที่ยังคงเส้นสายไฟหน้าไว้เช่นเดิม เพิ่มเติมการตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา

มิติตัวถัง:

  • ความยาว : 4,260 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง : 1,760 มิลลิเมตร
  • ความสูง : 1,530 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,610 มิลลิเมตร

 

ภายในได้รับการยกโฉมใหม่หมด ด้วยการนำธีมการออกแบบจากเพื่อนร่วมตระกูล Ocean series ตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าทรงทันสมัย พร้อมพวงมาลัย 3 ก้านทรง D-Shape ที่ใช้ร่วมกับ Seal และ Dolphin พร้อมจอกลางขนาดใหญ่ถึง 12.8 นิ้ว แบบหมุนได้ สำหรับรุ่นท๊อป ควบคู่กับหน้าจอมาตรวัดขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมกุญแจทำงานด้วยระบบ Bluetooth และ NFC

 

ขุมพลังไฟฟ้าล้วนของ BYD e2 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 95 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 43.2 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 405 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC เนื่องจากถูกวางไว้เน้นการเดินทางมากกว่าความแรงและสมรรถนะของตัวรถ

BYD วางจำหน่าย e2 สำหรับตลาดบ้านเกิดโดยแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย โดยรุ่นเริ่มต้นมีราคาจำหน่ายที่ 102,800 หยวน หรือ 510,000 บาท ในขณะที่รุ่นท๊อปวางจำหน่ายที่ 109,800 หยวน หรือ 545,000 บาท ทั้ง 2 มาพร้อมบริการการเชื่อมต่อ Internet 5G ฟรีเป็นระยะเวลา 2 ปี พร้อมรับประกันชุดขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน

ที่มา: Carnewschina