หลังจากการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมของ A-Class และ CLA ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็ถึงคราว2ศรีพี่น้องในรูปแบบตัวถัง SUV ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกันกับรถ 2 รุ่นดังกล่าว โดยได้มีการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมไปถึงการปรับให้ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในมาพร้อมกับระบบ Mild-Hybrid เช่นเดียวกับ A-Class และ CLA

งานออกแบบรอบคันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก แต่ทว่า หากพิจารณาด้านหน้าและด้านหลัง จะพบว่ามีการปรับรายละเอียดภายในโคมไฟหน้าและโคมไฟท้าย พร้อมกับการปรับเส้นสายกันชนทั้งหน้าและหลังให้มีความแตกต่างด้วยช่องดักลมขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับเส้นสายบนฝากระโปรงหน้าที่มีโหนกนูนเพิ่มเติม ซึ่งเคยสงวนไว้กับรุ่น AMG เท่านั้น

 

นอกจากนี้ยังมีการออกแบบล้ออัลลอยขึ้นใหม่จำนวน 4 ลาย ขนาดตั้งแต่ 17 ถึง 20 นิ้ว พร้อมสีภายนอกสีน้ำเงิน Spectral Blue ให้เลือกเพิ่มเติม พร้อมปรับอุปกรณ์มาตรฐานภายนอกหลายรายการ เช่น การยกเลิกไฟหน้าแบบฮาโลเจนออกไป และติดตั้งไฟแบบ LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

สำหรับการปรับปรุงภายในมีรายละเอียดที่สังเกตด้วยตาเปล่าเพียงเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง ทางค่ายดาว 3 แฉก ได้บรรจุเทคโนโลยีใหม่เพิ่มเติมเข้ามา เริ่มจากหน้าจอมาตรวัดขนาด 7 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และสามารถอัพเกรดเป็นขนาด 10.25 นิ้ว ในรุ่นสูงขึ้น แต่สำหรับจอกลางขนาด 10.25 นิ้วจะถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX รุ่นล่าสุด ที่ติดตั้งการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สายมาจากโรงงาน พร้อมฟังก์ชั่น Mini games เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าสามารถร่วมสนุกกับการเล่นเกมส์ขณะรถจอดหยุดนิ่งได้ เช่น Sudoku และ เกมส์ทายปัญหาเป็นต้น

 

อีกทั้งยังมาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงปรับปรุงใหม่ ที่มีตัวช่วยพิเศษ “Tourguide” สำหรับประเทศเยอรมันเป็นการนำร่องการใช้งานก่อน โดยจะแนะนำพิกัดต่างๆ ตามเส้นทางที่กำลังเดินทาง พร้อมอัพเดทงานออกแบบของพวงมาลัยใหม่ตามเพื่อร่วมค่าย ไฟตกแต่งภายใน 10 สี ที่มีให้เลือกติดตั้ง รวมไปถึงชุดเครื่องเสียงจาก Burmester พร้อมระบบเสียงจาก Dolby Atmos

สำหรับระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance package ที่มีให้เลือกติดตั้งพร้อมกับกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ในขณะที่กล้องมองภาพด้านหลังจะถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ และระบบ Trailer Manoeuvering Assist ช่วยเหลือการขับขี่ขณะลากจูงเป็นครั้งแรกของ GLA และ GLB เป็นครั้งแรก

 

ทางด้านขุมพลังได้ปรับให้รองรับระบบ Mild-Hybrid ที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 14 แรงม้า (PS) เป็น EQ-boost ในชั่วขณะ สำหรับทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ Dual-clutch 7 หรือ 8 จังหวะ ที่มีให้เลือกทั้งความจุ 1.3 ลิตร และ 2.0 ลิตร 4 สูบ สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ในรหัส 180 200 220 4Matic 250 4Matic ไปจนถึง 35 AMG ให้กำลังสูงสุดตั้งแต่ 136 ไปจนถึง 306 แรงม้า (PS)

ในส่วนของรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลมีให้เลือก 4 รุ่น โดยใช้แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ในรหัส 180d 200d 200d 4Matic และ 220d 4Matic ให้กำลังสูงสุดตั้งแต่ 116 ไปจนถึง 190 แรงม้า (PS)

ขณะที่รุ่น Plug-in hybrid มีการปรับปรุงมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีกำลังสูงมากขึ้น โดยที่กำลังรวมสูงสุดยังคงเป็น 218 แรงม้า (PS) จับคู่กับแบตเตอรี่ความจุ 11.5 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 62 – 70 กิโลเมตร เช่นเดิม

ที่มา: Carscoops