Mitsubishi Motors เผยแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ช่วงปี 2023 – 2025 อันประกอบไปด้วยกลุ่ม ICE ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน และกลุ่ม xEVs หรือตระกูลรถยนต์พลังถ่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Hybrid, Plug-in Hybrid และขุมพลังไฟฟ้า 100% (BEV)
แผนดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับตลาดประเทศไทย เนื่องจากมีการระบุอย่างชัดเจนว่า All NEW Mitsubishi Triton นั้น เตรียมเปิดตัวครั้งแรกในโลกในปี 2023 นี้ ขณะที่เวอร์ชั่น PPV อย่าง All NEW Mitsubishi Pajero Sport จะเปิดผ้าคลุมตามในภายหลัง ภายในช่วงปี 2025
นอกจากนี้ ยังเป็นการยืนยันว่า Triton ใหม่ จะมีรุ่นขุมพลังไฟฟ้า 100% (BEV) ตามออกมาให้เลือก ตามความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนการสนับสนุนของหน่วยงานรัฐในตลาดหลายแห่งทั่วโลก ที่สนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น
ข้อมูลที่ Headlightmag.com สามารถยืนยันได้ในตอนนี้คือ Triton ใหม่ จะถูกสร้างขึ้นบนเฟรมแชสซีส์ของ Nissan Navara รุ่นปัจจุบัน ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเฟรมแชสซีส์เดิมของ Triton รุ่นปัจจุบัน นั่นทำให้ Triton ใหม่ จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่โตขึ้นในทุกมิติ และมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารจะถูกกว้างขวางขึ้น จนทำให้ Triton สามารถชูจุดเด่นด้านการโดยสารบนเบาะหลังเอาไว้เช่นได้เดิม
ด้านข้างตัวรถ ยังคงมีดีไซน์กรอบช่องประตู และกระจกต่างหน้าคล้ายกับ Navara รุ่นปัจจุบัน ทว่าการมีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น ทำให้ทีมออกแบบสามารถปรับแนวเส้นระหว่างโครงสร้างห้องโดยสารและกระบะท้ายให้ลาดเอียงน้อยลง เมื่อรวมอยู่กับเส้นสายบนตัวถังด้านข้างที่มีเหลี่ยมสันชัดขึ้น ทั้งบริเวณเหนือซุ้มล้อคู่หน้า-หลัง และชายขอบล่างของบานประตู จึงทำให้ตัวรถดูทะมัดทะแมงมากขึ้นพอสมควร ในขณะที่บั้นท้ายยังมีเค้าความแข็งแกร่งของงานของออกแบบ สอดคล้องกับส่วนอื่นๆ แต่ไม่ได้มีจุดที่ฉีกไปจาก Triton รุ่นปัจจุบัน หรือรถกระบะในกลุ่มเดียวกันมากนัก
ด้านขุมพลัง มีกระแสข่าวหลุดรอดออกมาว่า ช่วงแรกที่เปิดตัว Triton ใหม่ จะวางเครื่องยนต์รหัส 4N16 Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร Common-Rail Turbocharger Intercooler และจะมีขุมพลังไฟฟ้า 100% (BEV) ตามมาให้เลือกด้วยในภายหลัง โดยเราได้แต่คาดหวังว่า วิศวกรของ Mitsubishi Motors จะยังยืนหยัดกับชุดดุมล้อของตัวเอง ไม่ใช้ดุมล้อขนาดแปลกๆของ Navara แต่อย่างใด
กำหนดการเปิดตัวของ All NEW Mitsubishi Triton จะเกิดขึ้นภายในช่วง ไตรมาส 2 ของปี 2023 นี้ โดยจะเริ่มจากตัวถัง Double Cab 4 ประตู และตอนครึ่ง Mega Cab จากนั้น ตัวถัง Single Cab หัวเดี่ยว จึงจะตามออกมาในลำดับถัดไป
ข้อมูลโดย www.Headlightmag.com