Toyota วางจำหน่าย Highlander โฉมปัจจุบันในอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2019 ในฐานะรถ SUV 3 แถว สำหรับผู้โดยสารจำนวน 7-8 ท่านอย่างแท้จริง โดยยังส่งไปจำหน่ายที่ภูมิภาคยุโรปในปี 2021 ที่ผ่านมา ที่มีเพียงทางเลือกขุมพลัง Hybrid เท่านั้น จนกระทั่งความต้องการของตลาดรถ SUV ขนาดใหญ่สำหรับตลาดอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายค่ายต่างเปิดตัวรถ SUV ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกระดับ และครั้งนี้ Toyota ก็ไม่พลาดที่จะเปิดตัวรุ่นพี่ โดยใช้ชื่อว่า Grand Highlander ในงาน Chicago Auto Show 2024

สำหรับพื้นฐานงานวิศวกรรมของ Grand Highlander ยังคงใช้ร่วมกับรุ่นน้อง Highlander รวมไปถึงรถ SUV ขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์ Lexus ที่เตรียมเปิดตัวในเร็วๆ นี้ อย่าง TX

รุ่น Platinum

รูปลักษณ์ภายนอกเน้นความบึกบึนเป็นหลัก ด้วยดีไซน์เอาใจชาวมะกันโดยเฉพาะ ด้านหน้ามาพร้อมความแข็งแกร่งด้วยกระจังขนาดใหญ่ด้านล่าง พร้อมกระจังขนาดเล็กด้านบน ไฟหน้า LED ทรงเรียวเล็ก ขณะที่ด้านท้ายมาพร้อมไฟแนวนอนแบบแยกชิ้น คั่นกลางด้วยคิ้วฝากระโปรงท้ายติดตั้งโลโก้รุ่น Grand Highlander พร้อมแผ่นดิฟฟิวเซอร์สีเงินขนาดใหญ่

โดยเกรดการตกแต่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ XLE Limited และ Platinum ที่มาพร้อมล้ออัลลอยต่างขนาดกัน ตั้งแต่ 18 – 20 นิ้ว พร้อมออฟชั่นหลังคากระจก Panoramic

รุ่น XLE

 

ภายในมาพร้อมจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และการอัพเดทแบบ Over-the-Air ที่มาคู่กับแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายจำนวน 2 แท่น พร้อมช่องเก็บของจำนวนมาก จัดเต็มด้วยช่องชาร์จ USB Type C จำนวน 7 ช่อง และทางเลือกเครื่องเสียงจาก JBL จำนวน 11 ลำโพง พร้อม Wi-Fi hotspot ที่รองรับการเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 5 เครื่อง

การจัดรูปแบบเบาะนั่งสามารถเลือกได้ทั้งแบบ 7 หรือ 8 ที่นั่ง ด้วยเบาะแถวกลางแบบแยกหรือแบบยาว พร้อมที่วางแก้วจำนวนสูงสุดถึง 13 ตำแหน่ง พร้อมระบบปรับอากาศครบทุกตำแหน่งที่นั่ง มีการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุไม้เทียม พร้อมบุนุ่มตามจุดสัมผัสต่างๆ รอบคัน พิเศษสำหรับรุ่น Hybrid Max ที่มาพร้อมวัสดุหนังพิเศษ Ultrasuede

 

ระบบความปลอดภัยครบครัน อาทิเช่น Advanced driver assistance system Traffic Jam Assist lane departure alerts adaptive cruise control lane tracing assist road sign detection automatic high beams และ Pre-collision warning พร้อมระบบ proactive driving assist เพิ่มเข้ามาใหม่และติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

 

ขุมพลังที่มีให้เลือกมากถึง 3 แบบ ได้แก่

รุ่นเครื่องยนต์เบนซินปกติ

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 275 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

รุ่นเครื่องยนต์ Hybrid

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.5 ลิตร Hybrid กำลังสูงสุด 246 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 316 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

รุ่น Hybrid Max

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร Hybrid พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Direct4 AWD ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.3 วินาที พร้อมความสามารถในการลากจูงสูงสุดมากถึง 2.3 ตัน

 

Toyota Grand Highlander จะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในเมือง Princeton รัฐ Indiana โดยยังไม่ได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตอนนี้

ที่มา: Carscoops