Land Rover เปิดตัวรุ่นปรับโฉมของ Velar รถ SUV อนุกรมใหม่ที่เน้นความเรียบหรู ลดทอนความลุยแบบรถพี่ๆ เพื่อให้ต่อกรกับบรรดาคู่แข่งจากเยอรมันได้สมน้ำสมเนื้อ ทำตลาดแทรกกลางระหว่าง Evoque และ Range Rover Sport เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และมีการอัพเดทเทคโนโลยีเล็กน้อยในปี 2020 จนกระทั่งล่าสุดได้ปรับปรุงครั้งใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะสังเกตได้ยากว่ามีจุดไหนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

โดยเน้นไปที่การปรับปรุงระบบ Infotainment ภายใน ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการปรับปรุงขุมพลังรุ่น Plug-in hybrid ให้วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลกว่าเดิม

 

งานออกแบบภายนอกที่ยังคงไว้ซึ่งเส้นสายรูปแบบเดิมไม่ผิดเพี้ยน โดดเด่นด้วยมือเปิดประตูออกแบบให้ซ่อนไปกับตัวรถ นับว่าเป็นรถยนต์ผลิตจริงรุ่นแรกๆ ในตลาด ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยดังกล่าว โดยสิ่งที่ปรับเปลี่ยนแต่สังเกตเห็นได้ยาก นั่นก็คือไฟหน้าที่มีการปรับรายละเอียดภายในโคม พร้อมติดตั้งระบบไฟแบบ Pixel LED ที่สามารถส่องสว่างยามเดินทางไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ลวดลายของกระจังหน้ายังได้รับการออกแบบใหม่ เช่นเดียวกับไฟท้ายที่มีการเปลี่ยนรายละเอียดให้สอดคล้องกับไฟหน้า พร้อมการออกแบบแผ่นดิฟฟิวเซอร์ใต้กันชนหลังใหม่

อีกทั้งยังมีการเพิ่มสีตัวถังภายนอก อีก 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Varesine Blue และสีเทา Premium Metallic Zadar Grey

 

ในขณะที่งานออกแบบภายในมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดมากกว่า โดยเฉพาะจอกลางแบบคู่ระบบสัมผัส ที่ทำให้รูปลักษณ์ของคอนโซลหน้าเปลี่ยนไปในรูปแบบทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการยกเลิกปุ่มควบคุมแบบเดิมที่คอนโซลกลางจนหมดเกลี้ยง ให้เป็นหน้าที่ของจอขนาด 11.4 นิ้ว ที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Pivi Pro 7 เปรียบเสมือนซึ่งทาง Land Rover เคลมว่า การควบคุมและการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในตัวรถกว่า 80% จะสามารถทำได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ที่บริเวณจอนี้ไม่เกิน 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยทั้งหมดที่ยังเป็นแบบปุ่มกดปกติทั่วไป หากใครยังไม่ชินกับการสั่งงานผ่านระบบ Touch screen และเมื่อมีปัญหาในการใช้งานหรือทางค่ายได้ออกโปรแกรมรุ่นปรับปรุงใหม่ ทางผู้ขับขี่สามารถเลือก อัพเดตได้ผ่านระบบ over-the-air โดยไม่ต้องนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการ

 

นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบกำจัดเสียงรบกวนสุดล้ำ Active Road Noise Cancellation ที่ทำงานร่วมกับเครื่องเสียงจาก Meridian 3D Surround Sound System พร้อมลำโพงจำนวน 17 ตำแหน่ง เพิ่มเติมความสบายในห้องโดยสารด้วยระบบกรองอากาศ Cabin Air Purification Plus filtration system

ภายในมาพร้อมวัสดุรีไซเคิลรักสิ่งแวดล้อม เน้นจำพวกเส้นใยอย่าง Kvadrat และ Ultrafabrics polyurethane ผสมผสานความหรูหรา เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่นิยมหนังสัตว์แท้ แต่หากใครยังต้องการใช้วัสดุหุ้มหนังแบบอนุรักษ์นิยมอยู่ ทาง Land Rover ก็ได้เตรียมหนังสีใหม่ไว้พร้อมสรรพ ในส่วนของวัสดุตกแต่งภายใน สามารถเลือกได้ทั้งสีเงินสาตินหรือสีทองแดงตามสมัยนิยม หรือจะเป็นลายไม้ Ash Wood ที่เน้นความหรูหรามากกว่า ส่วนใครต้องการลุคสปอร์ต สามารถเลือกวัสดุอะลูมิเนียมสีสว่างหรือสีเข้มแทนได้

 

ทางด้านขุมพลัง P400e ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินความจุ 2.0 ลิตร 4 สูบ Ingenium Ingenium พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (PS) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังรวม 404 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุดรวม 640 นิวตัน-เมตร ได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น 19.2 kWh จากเดิมที่มีขนาด 13.6 kWh พร้อมระบบชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟสูงสุด 50 kW ชาร์จจาก 0-80% ได้ภายในเวลา 30 นาที ทำให้สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ด้วยระยะทางกว่า 64 กิโลเมตร ที่ความเร็ว 140 กม./ชม. ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 5.4 วินาที

Range Rover Velar รุ่นปรับโฉม พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่บัดนี้ในตลาดอเมริกาเหนือ อังกฤษ ยุโรป และ ออสเตรเลีย ในขณะที่ตลาดอื่นๆ จะตามมาในภายหลัง

ที่มา: Carscoops