หลังจากที่ Mazda เปิดตัว CX-90 รถ SUV 3 แถว 6/7 ที่นั่งไปหมาดๆ ก็มีสื่อยานยนต์แดนมะกันได้สอบถามไปยัง CEO ของ Mazda North America หรือ Jeff Guyton ที่ได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า จะมีการเปิดตัว CX-70 หรือเวอร์ชั่นตัวถังสั้นและเบาะ 2 แถว 5 ที่นั่ง ของ CX-90 บนพื้นฐานงานวิศวกรรมเดียวกันในรูปแบบ ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมทางเลือกขุมพลังทั้งแบบเบนซิน 6 สูบเรียง เทอร์โบ และเบนซิน Plug-in Hybrid ในเร็วๆ นี้ หรือภายในปี 2023
ด้วยความตั้งใจในการวิจัยและพัฒนารถยนต์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมายและภูมิภาคอย่างสูงสุด Mazda เล็งเห็นข้อปรับปรุงของ CX-9 ทั้งกำลังเครื่องยนต์ที่น้อยกว่าคู่แข่ง พื้นที่ภายในที่ไม่เพียงพอสำหรับผู้โดยสารทั้งหมด 6-7 ท่าน อย่างสบายเท่าที่ควร รวมไปถึงความสามารถในการลากจูง (สำหรับตลาดอเมริกัน นับว่าเป็นอีกปัจจัยในการเลือกซื้อรถเลยก็ว่าได้)
ทางค่ายจึงตัดสินใจพัฒนา Platform แบบขับเคลื่อนล้อหลังสำหรับ รถ SUV ขนาดใหญ่ และแบ่งตัวถังออกเป็น 4 รุ่นย่อย ตั้งแต่ CX-60 CX-70 CX-80 และ CX-90 โดย CX-60/80 จะทำตลาดในยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชีย ขณะที่ CX-70/90 เกิดมาเพื่อตลาดอเมริกาเหนือโดยเฉพาะ
CX-60
อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือ CX-70 และ CX-80 ที่รอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่ง CX-60/70 จะมีความเกี่ยวเนื่องกันโดยตรง เพียงแต่ CX-70 จะมีขนาดใหญ่กว่าเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าอเมริกาเหนือได้เป็นอย่างดี
เมื่อพิจารณาทิศทางการออกแบบของ CX-70 ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า จะอ้างอิงจาก CX-60 มากน้อยเพียงใด แต่ถ้าเปรียบเทียบ CX-90 กับ CX-60 ที่เป็นรถสำหรับคนละภูมิภาค จะพบว่ามีการถ่ายทอด DNA การออกแบบกันมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะงานออกแบบภายในที่แทบจะยกกันมาใช้งานได้เลย คงต้องรอดูว่าทาง Mazda จะปรับงานออกแบบให้ CX-70 แตกต่างจาก ทั้ง CX-90 และ CX-60 มากน้อยเพียงใด
CX-90
ในส่วนของตลาดรถ EV ที่ดูจะไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวซักเท่าไรนัก นอกเหนือไปจาก MX-30 R-EV หรือรถ EV ที่ติดตั้งเครื่องยนต์โรตารีไว้สำหรับเป็นเครื่องปั่นไฟยามที่แบตเตอรี่ขนาดความจุจำกัดหมดกำลังไฟแล้วนั่นเอง ซึ่ง Mazda ตั้งใจและพยายามกับการนำเครื่องยนต์โรตารีกลับมาใช้ตลอดหลายทศวรรษมานี้ ทั้งการนำไปใช้กับเชื้อเพลิงไฮโดรเจน จนได้ผลสรุปออกมาเป็น Range Extender ใน MX-30 นี้
สำหรับแฟนๆ Mazda แดนมะกัน คงต้องร้องเพลงรอกันเก้อ เนื่องจาก Mazda อเมริกาเหนือไม่มีแผนวางจำหน่าย MX-30 R-EV ด้วยเหตุว่ารถรุ่นนี้ถูกวางหมากไว้ให้ขายในยุโรปและญี่ปุ่นเท่านั้น ด้วยความเป็นรถ EV สำหรับคนเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างเห็นได้ชัดแล้วกับเวอร์ชั่น EV ที่ปราศจากเครื่องยนต์ปั่นไฟเสริม ด้วยยอดขายในยุโรปกว่า 15,000 คัน ซึ่งมากกว่าหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับยอดขายในอเมริกาเหนือเพียง 600 คัน
ที่มา: Autoblog