ยังไม่ทันจะครบเวลา 1 ปี ทาง Polestar ก็จัดทัพปรับรายละเอียดทางเทคนิค พร้อมปรับหน้าตาเล็กน้อยตามเทคโนโลยีที่ส่งต่อมาจาก Polestar 3 ซึ่งมาในครั้งนี้จะวางจำหน่ายในฐานะ Model Year 2024 หลังจากที่เพิ่งจะวางจำหน่าย Model Year 2023 ไปเมื่อเดือนกันยายน 2022 ที่ผ่านมา
หากย้อนไปเมื่อปี 2019 ที่ทาง Polestar ได้เปิดตัว Polestar 2 ตั้งแต่ช่วงกลางปี ก่อนที่จะพร้อมส่งมอบในปี 2020 ด้วยการเป็นรถ EV ที่จับต้องได้เป็นรุ่นแรกหลังจาก Polestar 1 ที่เป็นรถสปอร์ตขุมพลัง Plug-in hybrid จำนวนจำกัด ชูจุดเด่นระบบ infotainment จาก Google เป็นรุ่นแรกของเครือ Volvo และ Polestar โดยล่าสุด Polestar เป็นปลื้มกับยอดผลิตทะลุหลัก 1 แสนคัน ภายในสิ้นปี 2022 จากตลาดทั้งหมดกว่า 27 ประเทศทั่วโลก
งานออกแบบภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงที่ด้านหน้าเป็นหลัก ซึ่งเป็นการนำชุดควบรวมกล้องและเรดาร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ โดยทาง Polestar เปิดตัวเป็นครั้งแรกในรุ่น Polestar 3 เรียกว่า SmartZone ที่เปลี่ยนให้ตัวรถมีความทันสมัยยิ่งขึ้น จากเดิมเป็นกระจังหน้าแบบลายตารางหมากรุก
นอกจากนี้ยังมีล้ออัลลอยลายใหม่ให้เลือก ในขนาด 20 นิ้ว แบบ Forged ที่ติดตั้งมาพร้อมกับแพ็คเกจ Performance โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่ Polestar 3
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานยังได้รับการอัพเดทให้เพิ่มเติมกว่ารุ่น Model year 2023 โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ ด้วยการติดตั้ง ระบบ Blind Spot Information System (BLIS) พร้อม ระบบ steering support ระบบ Cross Traffic Alert พร้อม ระบบ brake support ระบบ Rear Collision Warning and Mitigation รวมไปถึงกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ปิดท้ายด้วยระบบชาร์จมือถือไร้สายและระบบลดแสงจ้าจากกระจกมองข้าง
จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ยกเลิกรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าในรุ่นเริ่มต้น และเปลี่ยนมาเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเช่นเดียวกับ Volvo XC40 BEV และ C40 ซึ่งเพิ่งจะประกาศอัพเดทไปไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้า รวมไปถึงการอัพเดทแบตเตอรี่ทั้ง 2 รุ่น โดยในรุ่น Standard range จะใช้ความจุ 69 kWh ที่ประกอบไปด้วย 24 โมดูล จะใช้เซลล์จาก LG Chem ขณะที่รุ่น Long range จะใช้ความจุ 82 kWh ที่ประกอบไปด้วย 27 โมดูล จะใช้เซลล์จาก CATL
Polestar Model Year 2024 ประกอบไปด้วย
รุ่น Standard range มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง
- ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 490 นิวตัน-เมตร
- อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 6.4 วินาที
- ระยะที่วิ่งได้สูงสุดต่อ 1 การชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP = 518 กิโลเมตร
- สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 135 kW DC
รุ่น Long range มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง
- ให้กำลังสูงสุด 299 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 490 นิวตัน-เมตร
- อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 6.2 วินาที
- ระยะที่วิ่งได้สูงสุดต่อ 1 การชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP = 635 กิโลเมตร
- สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 205 kW DC
รุ่น Long range มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ (สามารถยกเลิกการขับเคลื่อนที่มอเตอร์คู่หน้าได้)
- ให้กำลังสูงสุด 421 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 740 นิวตัน-เมตร
- อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 4.5 วินาที
- ระยะที่วิ่งได้สูงสุดต่อ 1 การชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP = 592 กิโลเมตร
- สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 205 kW DC
รุ่น Long range ติดตั้ง แพ็คเกจ Performance มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ (สามารถยกเลิกการขับเคลื่อนที่มอเตอร์คู่หน้าได้)
- ให้กำลังสูงสุด 476 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 740 นิวตัน-เมตร
- อัตราเร่งจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 4.2 วินาที
- ระยะที่วิ่งได้สูงสุดต่อ 1 การชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP = 592 กิโลเมตร
- สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 205 kW DC
ที่มา: Polestar