ถึงแม้จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2007 เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งที่มีอายุการตลาดยาวนานเกินกว่าปกติไปมาก ตลอดระยะเวลา 15 ปี ไม่ได้ทำให้เจ้าก๊อตซิลลาเสื่อมพละกำลังลงไป ทาง Nissan ได้ทำการปรับปรุงเพื่อรักษาความสดใหม่เป็นระยะ โดยล่าสุดทางค่ายได้ใช้จังหวะงาน Tokyo Auto Salon ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกต้นปี โดยในปี 2023 ที่จะถึงนี้ มีกำหนดการตั้งแต่วันที่ 13-15 มกราคม 2023
งานออกแบบภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่หมดจด มีการเพิ่มเส้นแนวตั้ง เพื่อเสริมมิติและชวนให้นึกถึงรุ่นพี่ R34 มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ด้านมุมของกันชน ติดตั้งไฟตกแต่งทรงรังผึ้งสุดโฉบเฉี่ยว อีกทั้งยังปรับปรุงชิ้นส่วนตกแต่งตัวถังรอบคัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุดของอากาศ Cd. เพียง 0.26
นอกจากนี้ยังทำการปรับปรุงเรื่องการเก็บเสียง เพื่อให้เป็นรถสปอร์ต Gran Tourer ที่มีความสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น พร้อมกับช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่สอดรับไปในทางเดียวกัน
มิติตัวถัง:
- ความยาว: 4,710 มม. (รุ่น NISMO 4,700 มม.)
- ความกว้าง: 1,895 มม.
- ความสูง: 1,370 มม.
- ฐานล้อ: 2,780 มม.
นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษจำนวน 2 รุ่น นอกเหนือจากรุ่น Pure Edition Black Edition Premium Edition และ Track Edition ได้แก่ Premium edition T-spec และ NISMO Special edition
สำหรับรุ่น Premium edition T-spec จะมาพร้อมกับสีตัวถังพิเศษจำนวน 2 สี ได้แก่ สีเขียว Millennium Jade ที่เป็นการย้อนวันวานไปสู่รุ่นพี่ในตำนานอย่าง R34 GT-R V-Spec II Nür. และ สีม่วง Midnight Purple ซึ่งได้รับมรดกตกทอดมาจาก R34 GT-R V-Spec นอกจากนี้ยังแต่งองด์ทรงเครื่องด้วยล้ออัลลอยลายพิเศษจาก RAYS ขนาด 20 นิ้ว ทำสีทองแบบพิเศษ พร้อมด้วยคาลิปเปอร์เบรกพ่นสีทอง จับคู่กับจานแบบเซรามิค ในขณะที่ภายในติดตั้ง Badge T-Spec พร้อมเบาะนั่งหุ้มด้วยสีเขียว Mori Green
รุ่น Premium edition T-spec มาพร้อมเครื่องยนต์เหมือนรุ่นปกติทั่วไป ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน รหัส VR38DETT V6 ขนาด 3.8 ลิตร 3,799 ซีซี. Twin-Turbo 24 วาล์ว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 95.5 x 88.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.0 : 1 พละกำลังสูงสุด 570 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 637 นิวตัน-เมตร ที่ 3,300 – 5,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 6 จังหวะ GR6 ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD
ในขณะที่รุ่น NISMO Special edition ติดตั้งชุดแต่งรอบคันอย่างเต็มสูบ ออกแบบมาเพื่อเน้นสมรรถนะขั้นสูงสุดในสนามแข่งโดยเฉพาะ ภายนอกยังมาพร้อมฝากระโปรงหน้าทำจากคาร์บอนไฟเบอร์หนักเบารวมไปถึงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วจาก RAYS เช่นเดียวกับรุ่น Premium edition T-spec แต่ได้ทำสีใหม่เป็นสีดำ ตกแต่งซุ้มล้อหน้าด้วยครีบรีดอากาศทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นเดียวกัน ด้านท้ายติดตั้งกันชนทรงเฉี่ยวพร้อมสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ภายในมาพร้อมเบาะนั่งทรง Full bucket seat จาก Recaro ที่ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมฉลุโลโก้ NISMO และตกแต่งโทนสีภายในเป็นสีดำ-แดง
ทางด้านขุมพลังได้รับการอัพเกรดจาก NISMO ให้มีพละกำลังเป็น 600 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 652 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 – 5,600 รอบ/นาที นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง limited-slip differential แบบกลไกไว้ที่เพลาล้อคู่หน้า เพื่อส่งผ่านกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้เป็น GT-R R35 ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Nissan เตรียมวางจำหน่าย 2024 GT-R ในดินแดนอาทิตย์อุทัยบ้านเกิดในช่วงฤดูร้อนของปี 2023 นี้ในขณะที่หลายภูมิภาคทั่วโลกได้ยุติการทำตลาด GT-R เนื่องจากมีการปรับข้อกำหนดทางมลพิษและไอเสียที่เข้มงวดมากขึ้น จึงทำให้ GT-R ไม่ได้ไปต่อ เช่นในยุโรป สำหรับตลาดอื่นๆ ต้องรอการอัพเดทอีกครั้ง
ที่มา: Nissan