BMW รายงานยอดขายทั่วโลกตลอดปี 2022 พร้อมๆ กับที่ Mercedes-Benz คู่กัดตลอดกาลสัญชาติเดียวกัน โดยค่ายใบพัดฟ้าขาวปิดยอดทั้งปี 2022 ได้ที่จำนวน 2,100,692 คัน คิดเป็นอัตราส่วนลดลง 5.1% ในขณะที่ Mercedes-Benz ปิดยอดไว้ที่ 2,043,900 คัน คิดเป็นสัดส่วนลดลงน้อยกว่าที่ 1.0% เท่ากับว่า BMW ขายรถยนต์ได้มากกว่า Mercedes-Benz เป็นจำนวน 56,792 คัน ทั่วโลก
อย่างไรก็ตามยังคงเหลือตัวเลขจากทาง Audi ที่ปกติจะรั้งอันดับ 3 ตามทั้ง 2 ค่ายอย่างไม่ห่างมากนัก โดยคาดว่าแนวโน้มยอดขายจะเป็นไปในทางเดียวกันกับปี 2021
สิ่งที่น่าจับตาของยอดขายโดยรวมของแบรนด์ BMW นั่นก็คือยอดขายรถกลุ่มขุมพลังไฟฟ้าล้วนและ Hybrid ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็นอัตราส่วนถึง 35.6% ของยอดขายทั้งหมดหรือกว่า 372,956 คัน ในขณะที่ Mercedes-Benz ขายรถยนต์เสียบปลั๊กทั้งแบบ Plug-in และขุมพลังไฟฟ้าล้วนได้จำนวน 319,200 คัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งจากยอดขายรวมถึง 44% โดยเมื่อเทียบกับปี 2021 ก็คิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มกว่า 19%
อย่างไรก็ตาม แบรนด์รถยนต์พรีเมียมขนาดเล็กอย่าง Mini กลับเผชิญหน้าการลดลงของยอดขายเล็กน้อย ที่อัตราส่วน 3.0% เมื่อเทียบกับปี 2021 และเป็นไปตามคาด รถ EV ขนาดเล็กของค่าย ที่มีหน้าตาไม่แตกต่างจาก Mini Cooper Hatch 3 Door ทั่วไป อย่าง Cooper SE ครองส่วนแบ่งมากที่สุด ด้วยจำนวนกว่า 43,744 คัน ทั่วโลก เพิ่มขึ้นเป็นอัตราส่วนกว่า 25% เมื่อเทียบกับปี 2021
หากรวมยอดจากทั้ง BMW และ Mini จะนับเป็นรถยนต์ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วนกว่า 215,755 คัน หรือ คิดเป็นอัตราส่วนมากถึง 107.7% เมื่อเทียบกับปี 2021
ในขณะที่แบรนด์อัครยานยนต์อย่าง Rolls-Royce ปลื้มปิติด้วยยอดขายสูงสุดตลอดการดำเนินธุรกิจในปี 2022 ด้วยยอดส่งมอบกว่า 6,021 คัน ในทำนองเดียวกัน Mercedes-Maybach ก็ทำลายสถิติยอดขายตลอดกาล ด้วยยอดส่งมอบสูงถึง 21,600 คัน คิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มกว่า 37% เมื่อเทียบกับปี 2021
ต้องยอมรับว่าปี 2022 เป็นช่วงเวลาอันแสนสาหัส ทั้งผลกระทบจากวิกฤติการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่ยังคงความรุนแรงการระบาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และชิป ที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการประกอบรถยนต์ จนทำให้ค่ายรถยนต์ทั่วโลกได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน ด้วยยอดขายที่ตกลง พร้อมกับความสามารถในการส่งมอบให้ทันเวลา จึงทำให้การฟื้นฟูเพิ่งจะมีบทบาทชัดเจนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 ซึ่ง BMW มีอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 10.6% ในขณะที่ Mercedes-Benz ก็สามารถดีดกลับมาด้วยอัตราส่วน 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
ที่มา: Motor1