Peugeot ที่ในขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือ Stellantis ซึ่งเป็นการรวมแบรนด์รถยนต์จากทั่วทุกมุมโลกเขาไว้ด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการใช้เทคโนโลยีต่างๆที่ล้ำสมัยและมีความเป็นไปได้ในอนาคตร่วมกัน ระหว่างรถยนต์หลายๆแบรนด์ ซึ่งได้ประกาศแนวทางการพัฒนารถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนในอนาคตอันใกล้นี้อย่างเต็มกำลัง
ในขณะที่ค่ายสิงห์ผยองจากแดนน้ำหอมก็เหมือนถูกชุบชีวิตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยโอกาสในการพัฒนารถยนต์ที่หลากหลาย แม้กระทั่งตัวถังซีดานที่เสื่อมความนิยมในหลายตลาดทั่วโลก แต่ทว่าทางค่ายได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบที่มีขนาดใกล้เคียงรถซีดาน C-segment ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมกับขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าและอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีการควบคุมต่างๆที่ล้ำสมัย
รูปทรงตัวถังโดยรวมมีความแบนยาว และยังคงเน้นเส้นสายที่เป็นเหลี่ยมสันตามแบบฉบับของรถยนต์รุ่นอื่นๆในค่าย ฝากระโปรงหน้าลาดยาวลงต่ำที่หลอกตาให้ดูเหมือนรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลัง กระจกบังลมหน้าลาดลงต่ำจนเกือบจะถึงพื้นของโครงสร้างตัวรถเพื่อทำให้มีประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์สูงสุด ในขณะที่ด้านท้ายมีความเหลี่ยมสันไม่แพ้กัน
ไฟหน้าที่ใช้เลนส์กระจกขนาดใหญ่และยาวจนครอบคลุมพื้นที่บริเวณด้านหน้าทั้งหมด ที่ยังควบรวมบรรดาเซ็นเซอร์ต่างๆของระบบช่วยเหลือการขับขี่ ซึ่งครั้งนี้สามารถทำงานภายใต้ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ตามมาตรฐานของสถาบัน SAE
ในขณะที่งานออกแบบไฟท้ายก็ยังคงใช้เลนส์ใสขนาดใหญ่เช่นเดียวกันกับไฟหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มมิติให้กับความกว้างของตัวรถ นอกจากนี้ยังมีการนำวัสดุรีไซเคิลประเภทพลาสติกเรซิ่นมาใช้ทำฝาครอบล้ออัลลอย
งานออกแบบภายในมีความน้อยแต่มาก เนื่องจากต้องการสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่แตกต่าง ในเมื่อการบังคับควบคุมเป็นหน้าที่ของตัวรถและระบบโครงสร้างพื้นฐานการจราจร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจึงสามารถผ่อนคลายและใช้พื้นที่ภายในห้องโดยสาร รวมไปถึงระบบบันเทิงความต่างๆได้อย่างครบถ้วนตลอดการเดินทาง
เบาะนั่งรูปทรงแปลกตาสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการที่สามารถบรรจุผู้โดยสารได้เป็นจำนวน 4 ท่านแบบแยกอิสระจากกัน
แผงคอนโซลหน้าถูกติดตั้งไว้ที่บริเวณฝั่งผู้ขับขี่เท่านั้นเนื่องจากปุ่มควบคุมระบบต่างๆ ทั้งหมดของตัวรถได้ถูกติดตั้งไว้บนพวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมที่ทางค่ายเรียกมันว่า “Hypersquare” ซึ่งยังทำงานภายใต้ระบบไฟฟ้า s teer-by-wire แทนกลไกแร็คแอนด์พีเนี่ยน ที่ใช้ในรถยนต์ทั่วไปเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้อย่างสูงสุดภายในห้องโดยสาร
นอกจากนี้จอแสดงผลขนาดใหญ่ยังสามารถแสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างครบถ้วนอันเป็นแนวทางที่ค่ายรถยนต์เตรียมที่จะติดตั้งในเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงในอนาคตอันใกล้นี้
ข้อมูลทางด้านขุมพลังทางค่ายสิงห์ผยองไม่ได้ระบุไว้อย่างเป็นทางการ ได้แต่บอกเพียงว่ารถต้นแบบคันนี้จะติดตั้งมอเตอร์คู่บริเวณเพลาล้อคู่หน้าและคู่หลังเมื่อทำงานร่วมกันจะสร้างพละกำลังได้สูงสุด 671 แรงม้าและสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3 วินาที ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 100 kWh ที่สามารถให้ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 800 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมระบบสถาปัตยกรรมแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 800V
Peugeot ไม่ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการทำตลาดเวอร์ชั่นวางจำหน่ายจริงของรถต้นแบบ Inception นี้ แต่ทว่า เส้นสายงานออกแบบรวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆที่บรรจุอยู่ในรถคันนี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นในรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ รุ่นใหม่และขุมพลังไฟฟ้าล้วนที่ทันสมัย เตรียมวางจำหน่ายจริงตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป
ที่มา: Autoblog