หลังจาก BMW เผยทีเซอร์รถต้นแบบที่สร้างบนงานวิศวกรรมใหม่หมดจด Neue Klasse พร้อมธีมการออกแบบ “less is more” หรือ น้อยแต่มาก บ่งบอกแนวทางการออกแบบมินิมอล ทั้งภายนอกและภายในของรถ EV เจเนอเรชั่นถัดไป
ก็ถึงคราวเปิดตัวรถคันดังกล่าวอย่างเป็นทาการที่งานจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ CES (Consumer Electronics Show) ซึ่งเป็นแหล่งรวมรถต้นแบบและเทคโนโลยียุคหน้า ที่เตรียมพร้อมนำมาผลิตขายจริงในอนาคตอันใกล้นี้
โดยรถต้นแบบตัวถังซีดานสุดเรียบง่าย ยังไม่มีชื่อทำตลาดอย่างเป็นทางการในปี 2025 แต่คาดการณ์ว่า งานออกแบบเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดไปยังรถรุ่น i3 ซีดาน ที่จะมุ่งสู่การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างเต็มตัว
ด้านหน้ามาพร้อมกระจังรูปทรงไตคู่ที่ถูกดัดแปลงให้มีความน้อย ไม่หวือหวา ตั้งใจให้ดูย้อนยุคอยู่ไม่น้อย โดยเป็นการนำเอางานออกแบบจากรถต้นแบบ i Vision Circular concept ที่เปิดตัวไปตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2021 โดยยังได้นำมาจัดแสดงคู่กับ i Vision Dee คันดังกล่าว
การใช้พื้นฐานสำหรับรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนเป็นครั้งแรกของค่ายใบพัดฟ้าขาว ไม่ใช่การออกแบบให้รองรับได้หลากหลายขุมพลังเหมือนกับรถยนต์ตระกูล i ในปัจจุบัน จึงทำให้ระยะห่างจากซุ้มล้อหน้า-หลัง กับปลายสุดขอบตัวถัง สั้นกว่าทุกๆรุ่น เป็นการเพิ่มพื้นที่ในการบรรจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รวมไปถึงการขยายพื้นที่ห้องโดยสารไปในตัว
ด้านข้างมาพร้อมมือเปิดประตูแบบซ่อนไปกับตัวถังที่เริ่มนำมาใช้ในรถยนต์หลายๆรุ่นของค่าย พร้อมล้ออัลลอยที่ติดตั้งฝาครอบ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ได้สูงสุด
ในขณะที่ด้านท้าย มาพร้อมไฟท้ายรูปทรงยาวเรียบง่าย เน้นความน้อยของเส้นสายที่บริเวณกันชนหลังขนาดใหญ่
ด้วยแนวคิดการนำความล้ำสมัยของยุคดิจิตอล เข้ามาผสมผสานกับเทคโนโลยี E Ink tech ช่วยทำให้ i Vision Dee สามารถแสดงออกถึงอารมณ์และสีหน้า หรือสื่อสารได้กับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ขับขี่ ที่สามารถแสดงรูปอวตารได้ที่กระจกประตูด้านข้าง
ในขณะที่ภายในสร้างความแปลกตาด้วยการกำจัดปุ่มควบคุมต่างๆ ไปอย่างหมดสิ้น แม้กระทั่งปุ่มควบคุม iDrive เช่นกัน โดยทาง BMW ได้ติดตั้งปุ่มควบคุมแบบสัมผัสอเนกประสงค์ ที่ทาง BMW เรียกว่า Phygital ทดแทนปุ่มแบบหมุนที่บริเวณคอนโซลกลาง เพื่อควบคุมจอ Head-up display ขนาดมหึมาที่ฉายลงบนกระจกบังลมหน้าขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
เทคโนโลยีล้ำหน้านี้จะถูกติดตั้งในรถยนต์ เวอร์ชั่นวางจำหน่ายจริงตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไปโดยรุ่นแรกก็จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากรถ EV บนพื้นฐาน Neue Klasse ซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ที่สามารถเพิ่มความจุพลังงานไฟฟ้าได้เป็นอัตราส่วนถึง 20% เป็นผลทำให้ระยะทางวิ่งสูงสุดถูกเพิ่มขึ้นเป็นอัตราส่วน 30% และในทำนองเดียวกัน ยังสามารถรองรับการชาร์จได้เร็วขึ้นเป็นอัตราส่วนถึง 30%
สำหรับรถที่ถูกสร้างขึ้นบน Neue Klasse อาจมาพร้อมกันทั้ง 2 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ 3-series และ iX3 ในปี 2025 ที่จะขึ้นสายพานการผลิตเป็นครั้งแรกในโรงงานเมือง Debrecent ประเทศฮังการี ก่อนจะตามมาด้วยโรงงานในเมือง Munich ปี 2026 และ โรงงานในรัฐ South Carolina ก่อนสิ้นปี 2030
ยิ่งไปกว่านั้นทางค่ายใบพัดฟ้าขาวยังเตรียมเผยข้อมูลเพิ่มเติมของรถต้นแบบรุ่นนี้ โดยเฉพาะข้อมูลทางเทคนิคไม่ว่าจะเป็นชุดมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนตัวรถ รวมไปถึงชนิดของแบตเตอรี่ซึ่งคาดการณ์ว่า อาจเป็นครั้งแรกในการนำแบตเตอรี่แบบ Solid State มาใช้กับเวอร์ชั่นวางจำหน่ายจริง
ที่มา: Motor1