เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ Nissan ได้วางจำหน่าย LEAF ไปแล้วทั่วโลกกว่า 577,000 คัน เป็นเครื่องยืนยันว่า Nissan สามารถทำให้ทุกคนเข้าถึงรถยนต์ EV ได้อย่างแท้จริง และถือเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ในการสร้างความเชื่อมันและความมั่นใจ ก่อนที่พวกเค้าจะทยอยเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคตข้างหน้านี้อีกกว่า 23 โมเดล โดยจะแบ่งเป็นรถ EV จำนวนมากถึง 15 รุ่น ภายในปี 2030 นี้
Nissan LEAF รุ่นปัจจุบัน ทำตลาดในทวีปยุโรป มีการปรับอ็อพชั่นและเพิ่มทางเลือกแบตเตอรี่ 62 kWh หรือ รุ่น e+ เมื่อปี 2019 ถึงกระนั้น ก็ยังไม่มีการปรับโฉมจริงจังสักเท่าไร แม้กระทั่งการปรับครั้งล่าสุดนี้ ก็ยังคงเน้นไปที่รายละเอียดงานออกแบบเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวให้สะดุดตายิ่งขึ้น
ภายนอกมากับสีใหม่ที่มีให้เลือกทั้งสีปกติและสีทูโทน โดยจะมีสีน้ำเงินใหม่ 2 สีให้เลือก ได้แก่ สี Pearl Blue และ Magnetic Blue ล้ออัลลอยลายแปลกตาขนาด 16 และ 17 นิ้ว เพื่อช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ตามหลักพลศาสตร์ รวมไปถึงเปลี่ยนโลโก้ NISSAN ที่กระจังหน้า ด้านท้าย และล้ออัลลอย พร้อมเพิ่มทริมตกแต่งด้านหน้าสีดำให้ลุคดุดันยิ่งขึ้น
รายละเอียดทางวิศวกรรมยังคงเดิม ด้วยระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สูงสุดถึง 239 ไมล์ ในรุ่น LEAF e+ ตามมาตรฐาน WLTP รวมไปถึงเทคโนโลยี ProPILOT ที่ทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้นผ่านระบบช่วยเหลือต่างๆ ในการรักษารักห่างกับรถคันข้างหน้า และ e-Pedal ที่สร้างอรรถรสการขับขี่ในแบบที่รถเครื่องยนต์สันดาปภายในให้ไม่ได้
อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีต่างๆ ติดตั้งภายใน เช่น ระบบ infotainment จาก NissanConnect รวมไปถึงการเพิ่มความสามารถในการควบคุมระบบปรับอากาศผ่าน Amazon Alexa หรือ อุปกรณ์ smart home เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานยิ่งขึ้น
Nissan LEAF รุ่นปี 2022 จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ สำหรับรุ่น Acenta ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ ความจุ 40 kWh สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นในสหราชอาณาจักรที่ 26,995 ปอนด์ (ราวๆ 1,180,000 บาท ยังไม่รวมภาษีของประเทศไทย)
ที่มา: Nissan