Lexus เปิดตัว RC เมื่อปี 2014 ในฐานะรถ 2 ประตู Coupe ของรุ่น IS ที่มาพร้อมงานออกแบบโฉบเฉี่ยวยิ่งกว่า ด้านหน้ามีความยาวมากกว่าชัดเจน ในขณะที่ฐานล้อสั้นกว่ารุ่น 4 ประตู รวมไปถึงด้านท้ายที่เน้นความสปอร์ต และตามมาด้วยรหัสแรงอย่าง RC F ตามมาในระยะเวลา 1 ปี ให้หลัง จนกระทั่งได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉมในปี 2018
โดยการปรับโฉมครั้งที่ 2 เริ่มที่ตลาดบ้านเกิด เพื่อให้อุปกรณ์และระบบความบันเทิงต่างๆ ตามทันรุ่นอื่นๆ ในค่าย ในขณะที่ IS ได้มีการปรับ Big Minorchange ไปเมื่อปี 2021 เพื่อให้ต่อกรกับบรรดาคู่แข่งจากเยอรมันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ในขณะที่ RC เองยังใช้งานออกแบบที่อ้างอิงกับรุ่นแรกอยู่ การปรับครั้งนี้จึงมีความสำคัญโดย Lexus จะทยอยเปิดตัว RC รุ่นปรับโฉมล่าสุดในภูมิภาคอื่นหลังจากวันที่ 9 มกราคม 2023 ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นไป
งานออกแบบภายนอกอาจจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ทว่า ในส่วนของล้ออัลลอยที่ได้รับการปรับปรุงลายใหม่ยกเซต พร้อมเปลี่ยนชุดน๊อตดุมล้อใหม่ โดยเน้นการลด Unsprung weight หรือน้ำหนักส่วนที่อยู่ใต้ระบบกันสั่นสะเทือน นอกจากนี้ยังได้รับการปรับแต่งช่วงล่างแบบ Adaptive suspension ใหม่ รวมไปถึงการปรับฟีลลิ่งพวงมาลัยใหม่ให้ตอบสนองดียิ่งขึ้น
ในส่วนของขุมพลังและระบบส่งกำลังยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะมีเพียงแค่รุ่น RC F ที่ได้รับการปรับแต่งเกียร์อัตโนมัติใหม่ เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์กระชับและนิ่มนวลยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ในรุ่น RC F ยังสามารถเลือกอัพเกรดเป็นล้ออัลลอยแบบ Forged น้ำหนักเบาจาก BBS โดยมีให้เลือก จำนวน 2 สี ได้แก่ สีดำเงา และ สีดำด้าน เป็นออฟชั่นเสริมจากล้ออัลลอยจาก Enkei สีดำ
นอกจากนี้ยังได้รับการอัพเกรดระบบความปลอดภัยในส่วนของกล้อง Monocular และ เรดาร์ ที่สามารถตรวจจับจักรยานขณะขับขี่ในการจราจร รวมไปถึงคนข้ามถนนนามกลางคืน และยานพาหนะที่กำลังเลี้ยวในจุดตัดทางแยกซึ่งกำลังจะเข้าใกล้ในเขตอันตราย ทำงานร่วมกับระบบช่วยเลี้ยวอัตโนมัติ พร้อมระบบหักหลบสิ่งกีดขวาง
ภายในได้รับการอัพเกรดระบบ Infotainment เวอร์ชั่นใหม่จาก IS รุ่นปัจจุบัน ด้วยจอกลางขนาด 10.3 นิ้ว ในขณะที่รุ่น RC F ได้รับการติดตั้งเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto brake hold เพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่
นอกจากนี้ทาง Lexus ยังประกาศความสำเร็จจากยอดขายรวมของ RC ทั่วโลก เป็นจำนวนมากถึง 74,000 คัน จากทั้งหมด 62 ประเทศ ในขณะที่รุ่น RC F ขายไปได้ที่ 11,000 คัน จากทั้งหมด 57 ประเทศ
ที่มา: Motor1