ค่ายรถชื่อไม่คุ้นหูอย่าง Donkervoort จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ผลิตรถ Supercar พิกัด light weight ล้อเปิด สมรรถนะสูง ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุด Donkervoort F22 ที่ใช้ชื่อรุ่นคล้ายกับเครื่องบินรบ แท้จริงแล้ว เป็นวันเกิดของลูกสาวคนแรกของ CEO Denis Donkervoort ซึ่งเกิดในวันที่ 22 พฤษภาคม 2022 ต้อนรับการเป็นรถสปอร์ตรุ่นใหม่หมดจด เต็มอย่างเต็มภาคภูมิ

งานออกแบบภายนอกมาในสไตล์ดิบเถื่อน แต่มีความล้ำสมัยด้วยไฟหน้าแบบ LED projector คู่ พร้อมซุ้มล้อหน้าแบบเปิด โชว์หน้ายางแบบเต็มพิกัด วัสดุตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ด้านท้ายออกแบบให้ดูแปลกตากว่ารถสปอร์ตล้อเปิดทั่วไป ด้วยไฟท้ายแบบ LED Tube ขนาดใหญ่ กันชนหลังแบบเต็มพร้อมดิฟฟิวเซอร์คาร์บอนไฟเบอร์ ปิดท้ายด้วยประตูเปิดแบบยกขึ้นสร้างความโดดเด่น

 

หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์สามารถถอดเก็บได้ที่บริเวณท้ายรถ เพื่อแปลงให้เป็น roadster 2 ที่นั่ง ภายในมาพร้อมเบาะนั่งจาก RECARO ที่โอบกระชับสรีระแบบเต็มตัว ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 6 จุด ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์หุ้มด้วยผ้าอาคันทาร่า พร้อมฉลุชื่อรุ่น F22 แน่นอนว่า ปุ่มควบคุมต่างๆ ยังถูกติดตั้งเอาไว้ ไม่หันไปใช้จอระบบสัมผัสเหมือนรถทั่วไป จะมีเพียงจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่ โดยมีออฟชั่นจอสำหรับผู้โดยสารเป็นทางเลือก

 

ขุมพลังจาก Audi TT RS เครื่องยนต์เบนซิน TFSI 5 สูบ 20 วาล์ว แถวเรียง Direct Injection ขนาด 2.5 ลิตร 2,480 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ แต่ได้รับการปรับจูนจนมีพละกำลังสูงสุด 500 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ สู่ล้อคู่หลัง ที่ติดตั้ง Torsen limited-slip differential พร้อมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 290 กม./ชม.

 

จุดเด่นสำคัญคือน้ำหนักตัวถังที่มีเพียง 750 กิโลกรัม เนื่องจากโครงสร้างที่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์ประสานเป็นโครงท่อตัวถัง ที่ทำงานร่วมกับช่วงล่างแบบอิสระสามารถปรับแต่งได้ หากเลือกออฟชั่นแบบ hydraulic system อีกทั้งยังเลือกยกตัวรถให้สูงขึ้นอีก 35 มิลลิเมตร เอาชนะอุปสรรคบนถนนหลวงได้ และระบบเบรกพร้อมคาลิปเปอร์แบบ 4 พ๊อต แน่นอนว่าระบบช่วยเหลือต่างๆ นั้นมีมาให้แค่พอใช้เท่านั้น จึงต้องใช้ฝีมือของคนขับเพื่อที่จะควบคุมให้ล้อคู่หลังขนาด 19 นิ้ว และ ล้อคู่หน้าขนาด 18 นิ้ว นำพาเจ้า Donkervoort F22 เคลื่อนตัวได้ตามสั่ง

Donkervoort F22 มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 245,000 ยูโร หรือ 8,991,374 บาท โดยรถล๊อตแรกมีจำนวนกว่า 50 คัน ที่ได้เปิดรับจองไปก่อนหน้านี้ และทั้งหมดถูกขายจนหมดเกลี้ยง โดยในล็อตต่อไปจะผลิตอีกเพียง 25 คัน รวมเป็น 75 คัน เท่านั้น ทั้งหมดนี้จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 เป็นต้นไป

ที่มา: Motor1