หลังจากมีภาพหลุดชุดแรกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งยังคงถูกพรางตัวอย่างแน่นหนาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ของรถสปอร์ต หลังคาแข็ง ที่สร้างอยู่บนพื้นฐานร่วมกับ Mercedes-AMG SL ซึ่งเปิดตัวไปหน้านี้ และได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยรหัส SL 43 มีราคาจำหน่ายเริ่มต้น 11,700,000 บาท
โดยสารจากวิศวกรอาวุโสผู้รับผิดชอบโครงการของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า การพัฒนาของ Mercedes-AMG GT Coupe หลังคาแข็ง จะเน้นการขับขี่ที่ดิบโหดยิ่งกว่า และมาพร้อมเบาะนั่งเพียง 2 ตำแหน่ง ในขณะที่ Mercedes-AMG SL เปิดหลังคา จะให้ความสบายในการขับขี่ยามเดินทางเป็นหลัก พร้อมเบาะนั่งแบบ 2+2 ที่นั่ง
ครั้งนี้มีการจับภาพกลุ่มทดสอบจำนวน 3 คัน ทางตอนเหนือของประเทศสวีเดน ระหว่างทำการทดสอบท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ ทั้ง 3 คัน แบ่งเป็นรุ่นย่อยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังจะสังเกตเห็นได้จาก ลายของล้ออัลลอย ชุดเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมไปถึงสปอยเลอร์ด้านหลัง
Mercedes-AMG GT53
คันสีเหลืองคือ รหัส GT53 มาพร้อมปลายท่อไอเสีย แบบกลมคู่ ที่บริเวณด้านท้ายของ ดิฟฟิวเซอร์ กันชนหลัง อีกทั้งยังมีลวดลายของกันชนที่แตกต่างกับอีก 2 คัน ที่คาดว่าจะเป็นรหัสตัวแรงยิ่งกว่า
จะเห็นได้จากรถคันสีเขียวคันแรกที่คาดว่าจะเป็นรหัส GT63 มาพร้อมล้ออัลลอยลายเฉพาะ เผยให้เห็นชุดคาลิปเปอร์เบรกหน้าหลังที่มีขนาดใหญ่กว่าคันสีเหลืองอย่างชัดเจน ด้านท้ายมาพร้อมปลายท่อไอเสียแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เพิ่มความโดดเด่นมากกว่าแบบทรงกลม ของรุ่น GT53 ปิดท้ายด้วยลวดลายของกันชนหน้าและหลังที่แตกต่างจากรุ่นเริ่มต้น
Mercedes-AMG GT63
แต่ขณะที่รถคันสีเขียวอีกคัน จัดเต็มให้สมกับชื่อ GT63 “Edition 1”จะมาพร้อมสปอยเลอร์แบบตายตัวที่บริเวณด้านหลังทรงดิบโหด อีกทั้งยังได้เปลี่ยนลายล้ออัลลอยให้มีความดุโหดยิ่งขึ้น คาดว่ารุ่นพิเศษบุกเบิกรหัสนี้จะมาพร้อมกับแพ็คเกจของตกแต่งที่ต้องเพิ่มเงินต่างหาก ในกรณีที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อรุ่นเริ่มต้นหรือรุ่นปกติ เช่นวัสดุตกแต่งภายนอกด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ และสีพิเศษที่มีให้เลือกได้มากกว่า ตามธรรมเนียมของการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายดาวสามแฉก
Mercedes-AMG GT63 “Edition 1”
ทางด้านเครื่องยนต์ คาดว่าจะใช้ร่วมกับ Mercedes-AMG SL ซึ่งมีให้เลือก 3 แบบ ทั้ง รหัส 43 เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบไฟฟ้าและมอเตอร์สตาร์ท 48V กำลังสูงสุด 381 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ที่ 3,250-5,000 รอบ/นาที พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า 48V ให้กำลังสูงสุดชั่วขณะ 14 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT MCT (Multi-Clutch Transmission) 9G พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
รหัส 53 เบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร กำลังสูงสุด 476 แรงม้า (PS) ที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 2,250-4,500 รอบ/นาที และรหัส 63 เครื่องบล๊อคเดียวกันแต่จูนให้มีกำลังสูงสุด 585 แรงม้า (PS) ที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที
รวมไปถึง ขุมพลังเบนซินพ่วงระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบ plug-in hybrid ที่เตรียมเปิดตัวก่อนใน Mercedes-AMG SL อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ที่มา: Automedia