ถึงแม้ว่า Mercedes-AMG โฉมปัจจุบันจะทำตลาดมานานมากกว่า ปี และมีภาพแอบถ่ายของรุ่นต่อไปออกมาเป็นระยะแล้ว แต่ทว่า ค่ายดาวสามแฉกเพิ่งจะเปิดตัวรถแข่งรายการ GT2 รุ่นใหม่ ที่ยังคงใช้พื้นฐานเดียวกับรุ่นปัจจุบัน โดยวางขุมพลัง V8 ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรถแข่งทำขาย พร้อมช่วงล่างที่พร้อมรับความดิบโหดของสนามแข่ง
งานออกแบบภายนอกจัดเต็มไปด้วยชิ้นส่วนแอโร่พาร์ท ตั้งแต่กันชนหน้าที่ขยายช่องดักลมขนาดใหญ่ จุดสังเกตคือการยกเลิกแผ่นรองป้ายทะเบียนด้านหน้า-หลัง เนื่องจากเป็นรถแข่งสำหรับวิ่งในสนามโดยเฉพาะ พร้อมชุดตกแต่งคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน




ด้านหลังมาพร้อมสปอยเลอร์หลังขนาดเขื่อง สร้างแรงกดที่ด้านท้ายรถได้เป็นอย่างดี และสามารถปรับตั้งแรงกดได้ตามต้องการ โดยรอบคันได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการแข่งขัน ตามมาตรฐานการแข่งขันรายการ GT2 จาก FIA
ภายในติดตั้งพวงมาลัยสำหรับรถแข่งรูปทรงสี่เหลี่ยม ติดตั้งอยู่เบื้องหน้าจอมาตรวัดแบบ Multi-information แบบ Full digital พร้อมสารพัดบรรดาปุ่มควบคุมที่จำเป็นต่อการแข่งขัน การปรับแต่งตัวรถ และการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดย Mercedes-AMG เคลมว่า ปุ่มควบคุมที่ถูกออกแบบเป็นอย่างดีในตำแหน่งต่างๆ ภายในรถ ได้รับการพัฒนาร่วมกับ บริษัทที่มีประสบการณ์ด้านการแข่งขัน มาอย่างยาวนานอย่าง Cube Controls


และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ โครงเหล็ก Roll cage ที่ติดตั้งอยู่ในภายในรถ ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงสูง ถูกออกแบบและติดตั้งภายใต้มาตรฐานการแข่งขันรายการ GT2 จาก FIA ทั้งนี้ ยังมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในรถเพิ่มเติมให้ด้วย ควบคู่กับเบาะนั่งสำหรับนั่งแข่งแบบ Full bucket seat
ช่วงล่างได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะจากพื้นฐานแบบ Double Wishbone ทั้งด้านหน้า-หลัง ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงสูง พร้อมช่วงล่างที่ถูกออกแบบและปรับแต่งมาเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับทีมแข่งที่นำไปพัฒนาต่อยอดเองได้ตามแต่ละรายการ เช่น การปรับระยะ rebound การปรับความแข็ง-อ่อนของโช้คอัพ และการปรับเหล็กกันโคลง
ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร (3,982 ซีซี) พ่วงระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ 2 ตัว ติดตั้งที่ด้านหน้ารถเยื้องไปทางกลางลำ เพื่อการกระจายน้ำหนักที่ดี พร้อม Crankshaft แบบราบ ให้พละกำลังสูงสุด 707 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ sequential AMG พร้อมพวงมาลัยแบบ electro-mechanical power steering อีกทั้งยังมีระบบช่วยเหลือรักษาเสถียรภาพการทรงตัวจาก AMG TRACTION CONTROL


อย่างไรก็ตามทาง Mercedes-AMG ยังคงปรับแต่งรถแข่ง ให้สมบูรณ์พร้อมก่อนวางจำหน่ายจริง เพื่อลงสู้ศึกการแข่งขันในฤดูกาลปี 2023 ซึ่งทำให้ราคาจำหน่ายยังไม่สามารถประกาศอย่างเป็นทางการได้ในขณะนี้