งานออกแบบภายนอกมีการตกแต่งโทนสีที่แตกต่างจากรุ่นปกติ โดยเฉพาะการนำสีเทาด้านมาใช้ตามจุดต่างๆ ได้แก่ สเกิร์ตหน้า ช่องดักลมด้านหน้า ฝาครอบกระจกมองข้าง สเกิร์ตข้าง ราวหลังคา (RS6 Avant) ขอบกระจกหน้าต่างรอบคัน รวมไปถึง ดิฟฟิวเซอร์ที่กันชนหลัง หากลูกค้าคนไหนไม่ถูกใจโทนสีดังกล่าว สามารถเลือกติดตั้งสีคาร์บอนแบบด้านหรือสีดำเงา ทดแทนชิ้นส่วนบริเวณขอบกระจกหน้าต่างรอบคันและราวหลังคา
RS6 Avant Performance
RS7 Sportback Performance
นอกเหนือไปจากการปรับปรุงขุมพลัง ทางค่าย 4 ห่วง ยังได้อัพเกรดระบบส่งกำลังผ่าน self-locking center differential ที่มีขนาดเล็กและเบาลงกว่าเดิม เพื่อให้ถ่ายทอดกำลังลงสู่ล้อคู่หลังได้เป็นอัตราส่วนมากถึง 60% ในโหมดการขับขี่ทั่วไป โดยไฮไลท์อยู่ที่การกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หลังในโหมดการขับขี่เฉพาะ ได้ที่อัตราส่วนสูงถึง 85% อีกทั้งยังกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หน้าได้สูงสุด 70% ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยให้ตัวรถมีการบังคับควบคุมที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น สามารถจัดการกับการเสียอาการของตัวรถขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะอาการ understeer
ล้ออัลลอยยังได้รับการอัพเกรดจากขนาด 21 นิ้ว เป็น 22 นิ้ว เพิ่มเติมการลดน้ำหนักในส่วนของล้ออัลลอย ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ forging-milling ขั้นสูง ทำให้สามารถชั่งน้ำหนักได้เบาลงถึง 20 กิโลกรัม (4 วง) เมื่อเทียบกับล้ออัลลอยขนาดเท่ากัน นอกจากนี้ยังรัดด้วยยางที่ถูกพัฒนามาเป็นพิเศษเฉพาะรุ่น Continental Sport Contact 7 ขนาด 285/30/20 ทั้ง 4 ล้อ ทำให้ช่วยลดระยะเบรกจากความเร็ว 100 กม./ชม. เหลือ เพียง 2 เมตร
RS6 Avant Performance
RS7 Sportback Performance
ในขณะที่การตกแต่งภายในยังคงใช้พื้นฐานจากรุ่นปกติ แต่ได้เปลี่ยนโทนสีการตกแต่งเป็นสีฟ้าในรุ่น RS7 และสีแดงในรุ่น RS6 เพื่อเพิ่มความแตกต่างมากยิ่งขึ้น พร้อมเบาะหนังหุ้มด้วยหนัง Valcona ตัดเย็บเป็นลวดลายรังผึ้งตามสมัยนิยม เติมความดุดันด้วยวัสดุ Dinamica microfiber ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลกว่า 45%
ภายในติดตั้งหน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร รวมไปถึงบริเวณหัวเกียร์ ที่ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ต่างๆ เช่น Lauch control mode เพื่อให้สัญญาณในการปล่อยคันเร่งออกตัวได้อย่างแม่นยำ
RS6 Avant Performance
RS7 Sportback Performance
โดยในรุ่นพิเศษจะติดตั้ง RS Dynamic Package มาให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ที่จะเพิ่มระบบบังคับเลี้ยวล้อหน้าและล้อหลัง พร้อมกับการติดตั้ง differential ด้านหลังแบบ sport รวมไปถึงการเพิ่มลิมิตความเร็วสูงสุดเป็น 280 กม./ชม.
หากใครยังไม่พอใจ สามารถเลือกติดตั้ง RS Dynamic Package Plus ที่มาพร้อมชุดเบรกทำจากเซรามิกคอมโพสิตทดแทนแบบเหล็กมาตรฐาน โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของจานคู่หน้าที่ 440 มิลลิเมตร และ 370 มิลลิเมตรที่ล้อคู่หลัง ทั้งหมดนี้จะช่วยลดน้ำหนักได้มากถึง 34 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังปลดล๊อคความเร็วสูงสุดเพิ่มอีกขั้นเป็น 305 กม./ชม.
เครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ V8 Direct Injection ขนาด 4.0 ลิตร 3,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 86.0 x 86.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด : 9.7 : 1 กำลังสูงสุด 630 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร พ่วงระบบ Mild Hybrid 48V จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro
- ความเร็วสูงสุด : 280 / 305 กม./ชม.
- อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ใช้เวลา 3.4 วินาที
RS6 Avant Performance และ RS7 Sportback Performance มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกสูงสุด 16 สี โดยมีใหม่อย่าง สีฟ้า Ascari Blue ที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบสีด้านหรือสีเงา รวมไปถึงสีเงินด้าน Dew Silver และมีราคาจำหน่ายในอเมริกาเหนือเริ่มต้นที่ 118,900 เหรียญสหรัฐฯ (4,204,304 บาท) ในรุ่น RS6 Avant Performance และ 120,900 เหรียญสหรัฐฯ (4,275,024 บาท) ในรุ่น RS7 Sportback Performance
ที่มา: Motor1