ตลาดรถยนต์เสียบปลั๊กประเทศจีนกำลังเป็นที่นิยมและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากค่ายรถยนต์แดนมังกรมีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เพียบพร้อมกับการผลิตเป็นจำนวนมากและยังพัฒนางานวิศวกรรมพื้นฐานสำหรับรถยนต์ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้รถยนต์เสียบปลั๊กที่เกิดจากประเทศจีนมีปริมาณเพิ่มขึ้นในช่วงเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้ยอดขาย มีการเติบโตจนนับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

โดยล่าสุดยอดขายรถยนต์เสียบปลั๊กของเดือนตุลาคม 2022 มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วมากถึง 75% ยิ่งไปกว่านั้นยอดขายรถยนต์เสียบปลั๊กยังคิดเป็นอัตราส่วนถึง 31% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทุกชนิด

 

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ ยอดขายของรถ Plug-in hybrid มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่ 143% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดือนตุลาคมของปี 2022 และ ปี 2021 ในขณะที่รถ BEV กลับมีอัตราส่วนเพิ่มที่น้อยกว่ามาก เพียง 57% แต่ก็ยังอยู่ในช่วงอัตราส่วนที่ดีเกินคาด เมื่อเทียบกับตลาดประเทศอื่น

อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกยอดขายของรถเสียบปลั๊กทั้ง 2 แบบ จะพบว่ารถ BEV (410,000 คัน)ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า Plug-in hybrid หลายเท่าตัว (168,000 คัน) ด้วยเหตุนี้ทำให้ China Passenger Car Association (CPCA) หรือองค์การรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน ได้ทำการคาดการณ์ยอดขายของรถเสียบปลั๊กในปี 2022 ไว้ที่ยอด 6 ล้านคัน

 

นอกจากนี้ เมื่อแยกจำนวนยอดขายของแต่ละรุ่นจะพบว่า ค่ายรถยนต์ที่น่าจับตามองซึ่งเพิ่งจะเริ่มทำตลาดในประเทศไทยด้วย รถ SUV รุ่น ATTO 3 ได้ยึดพื้นที่รถยนต์เสียบปลั๊กที่ขายดีที่สุด 10 อันดับของตลาดบ้านเกิด หลังจากมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายรวมของ BYD กว่า 2 แสนคัน เป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่าทาง ค่ายมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นภายใต้ความร่วมมือเทคโนโลยีกับค่ายรถยนต์ต่างชาติและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาดได้เป็นอย่างดี

10 อันดับรถเสียบปลั๊กขายดีในประเทศจีนในเดือน ตุลาคม 2022

  • BYD Song Plus (BEV + PHEV): 56,863 คัน
  • Wuling Hong Guang MINI EV: 41,255 คัน
  • BYD Qin Plus (BEV + PHEV): 32,195 คัน
  • BYD Han (BEV + PHEV): 31,468 คัน
  • BYD Yuan Plus BEV: 26,648 คัน
  • BYD Dolphin: 25,240 คัน
  • BYD Tang (BEV + PHEV): 16,989 คัน
  • GAC Aion S: 14,507 คัน
  • Tesla Model Y: 14,391 คัน
  • GAC Aion Y: 12,615 คัน

* โดยยอดขายของรถรุ่นเดียวกันที่มีทั้งขุมพลัง BEV และ PHEV จะถูกนำมารวมยอดกัน

 

หากหันมาดูตัวเลขยอดขายรวมตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 จนถึงเดือนตุลาคม 2022 ของรถกลุ่มนี้ จะพบว่า 10 อันดับรถเสียบปลั๊กขายดีในประเทศจีน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 จนถึงเดือนตุลาคม 2022 ได้แก่

  • Wuling Hong Guang MINI EV: 357,493 คัน
  • BYD Song Plus (BEV + PHEV): 342,151 คัน
  • BYD Qin Plus (BEV + PHEV): 266,432 คัน
  • Tesla Model Y: 233,796 คัน
  • BYD Han (BEV + PHEV): 211,147 คัน
  • BYD Dolphin: 152,571 คัน
  • BYD Yuan Plus BEV: 141,808 คัน
  • BYD Tang (BEV + PHEV): 109,536 คัน
  • Tesla Model 3: 102,753 คัน
  • AC Aion Y: 93,816 คัน

สำหรับรถเสียบปลั๊กที่ขายดีที่สุดในประเทศจีนเมื่อคิดจากยอดขายรวมในปี 2022 จะตกเป็นของ Wuling Hong Guang MINI EV ถึงแม้ว่าจะโดน
BYD Song Plus ไล่จี้กันมาติดๆ ในขณะที่มวยตรงรุ่นอย่าง BYD Qin และ Tesla Model Y แสดงให้เห็นถึงยอดขายของ BYD ที่แซงหน้าได้อย่างกินขาด จนกว่า Tesla จะกลับมาส่งมอบ Model Y ตามโควต้าที่คงค้างในตลาดจีนอีกครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคิดส่วนแบ่งทางการตลาดของแต่ละแบรนด์รถยนต์ที่ส่งรถเสียบปลั๊กสู้ศึกตลอดปี 2022 จะพบว่า

  • BYD มีส่วนแบ่งทางการตลาด 29.9%
  • SAIC-GM-Wuling มีส่วนแบ่งทางการตลาด 8.6%
  • Tesla มีส่วนแบ่งทางการตลาด 7.3%
  • GAC มีส่วนแบ่งทางการตลาด 4.6%
  • Chery มีส่วนแบ่งทางการตลาด 4.4%
  • Geely มีส่วนแบ่งทางการตลาด 3.7%
  • Dongfeng มีส่วนแบ่งทางการตลาด 3.5%
  • Volkswagen มีส่วนแบ่งทางการตลาด 3.4%

ที่มา: Insideevs